วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แนวสอบตำรวจกฎหมายอาญา 60ข้อ ชุด2

แนวข้อสอบประมวลกฎหมายอาญา


๑. นายดำขายปุ๋ยให้แก่นายแดงราคา ๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยนายดำออกใบสั่งจ่ายสินค้าเพื่อใช้มารับมอบสินค้าจากคลังสินค้าของนายดำ นายดำมอบใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่นายแสดผู้รับจ้างขนส่งปุ๋ยให้ไปส่งแก่นายแดง นายแสดจ้างนายเทาเป็นผู้ขนส่งไปส่งสินค้าอีกทอดหนึ่ง โดยมอบใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่นายเทาไปรับปุ๋ย นายน้ำเงินต้องการปุ๋ยดังกล่าวในราคาถูกจึงไปซื้อใบสั่งจากนายเทาราคา ๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อจะเอาปุ๋ยไปเป็นของตน เมื่อจ่ายเงินและได้รับใบสั่งสินค้าจากนายเทามาแล้ว นายน้ำเงินไปรับปุ๋ยจากคลังสินค้าของนายดำโดยแจ้งพนักงานของนายดำว่า นายน้ำเงินเป็นผู้ขนส่งจะนำปุ๋ยไปมอบให้แก่นายแดง พนักงานของนายดำ จึงมอบปุ๋ยให้นายน้ำเงินไป การกระทำของนายเทาและนายน้ำเงินมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใด
ก. นายเทาผิดลักทรัพย์ ส่วนนายน้ำเงินผิดรับของโจร
ข. นายเทาผิดลักทรัพย์ ส่วนนายน้ำเงินผิดฉ้อโกง
ค. นายเทาและนายน้ำเงินผิด ร่วมกันลักทรัพย์
ง. นายเทาและนายน้ำเงินผิด ร่วมกันฉ้อโกง
ตอบ ค. นายเทาและนายน้ำเงินผิด ร่วมกันลักทรัพย์

๒. นายแดงเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ ของนายเอก จำนวน ๒,๐๐๐ บาท มีสัญญากู้ยืมเงินไว้เป็นหนังสือ แล้วนายเอกผิดนัดไม่ชำระ นายแดงไปทวงเงินนายเอกที่บ้านพบนางเหลืองภรรยาของนายเอกอยู่ นายแดงจึงทวงเงินที่นายเอกเป็นหนี้จากนางเหลือง นางเหลืองไม่ยอมชำระ นายแดงจึงยกเอาเครื่องรับโทรทัศน์สี ๑ เครื่อง ไปโดยไม่ทำให้ทรัพย์สินอื่นเสียหาย และบอกนางเหลืองว่าถ้าอยากได้คืนให้นายเอกเอาเงินไปไถ่ แล้วนายแดงก็นำไปไว้ที่บ้านของตน และวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่บ้านของนายแดงพบนายแดงและเครื่องรับโทรทัศน์ดังกล่าวที่บ้านของนายแดง การกระทำของนายแดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. เรียกค่าไถ่ ข. วิ่งราวทรัพย์
ค. ลักทรัพย์ ง. ไม่มีความผิด
ตอบ ง. ไม่มีความผิดล

๓. นายธรรมขับรถยนต์ของตนไปจอดในสถานีขนส่งจังหวัดขอนแก่น บริเวณที่สถานีขนส่งขอนแก่น จัดไว้บริการจอดรถฟรีสำหรับประชาชนทั่วไป นายอ้วนซึ่งขับสามล้อรับจ้างอยู่ในบริเวณสถานีขนส่งขอนแก่น ได้มาเรียกเก็บเงินจากนายธรรม จำนวน ๒๐ บาท บอกว่าเป็นค่าจอดรถ นายธรรมไม่จ่าย นายอ้วนจึงพูดว่า ถ้าไม่จ่ายค่าจอดรถจะตบแล้วนายอ้วนได้นำเก้าอี้มาขวางกั้นไม่ให้นายธรรม ขับรถยนต์ออกไป การกระทำของนายอ้วนเป็นความผิดฐานใด
ก. กรรโชกทรัพย์ ข.ชิงทรัพย์
ค.พยายามกรรโชกทรัพย์ ง. พยายามชิงทรัพย์
ตอบ ค.พยายามกรรโชกทรัพย์

๔. นายขาว เป็นลูกจ้างรายวันของเทศบาลเทมืองมหาสารคาม มีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกคนงานไปทำการล้างและซ่อมท่อระบายน้ำ ต่อมาได้ดูดเอาน้ำมันเบนซินไปจากถังน้ำมันของรถยนต์คันที่นายขาวขับไปขาย การกระทำของนายขาวเป็นความผิดฐานใด
ก.ยักยอกทรัพย์ ข.ลักทรัพย์
ค.ลักทรัพย์เป็นของนายจ้าง ง.ถูกทุกข้อ
ตอบ ค.ลักทรัพย์เป็นของนายจ้าง

๕. นายสำรองไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า แล้วต้องการอยากได้โคมไฟตั้งโต๊ะสีแดง ซึ่งทางห้างติดป้ายราคาไว้ ๑,๐๐๐ บาท แต่นายสำรองมีเงินไม่พอ จึงได้แกะป้ายราคาจากโคมไฟสีแดงออก แล้วนำป้ายราคาจากโคมไฟสีดำซึ่งมีราคา ๕๐๐ บาท มาติดโคมไฟสีแดงแทน แล้วนำไปชำระเงิน เมื่อพนักงานเก็บเงิน ดูป้ายราคาแล้ว จึงเก็บเงินค่าโคมไฟจากนายสำรอง จำนวน ๕๐๐ บาท การกระทำของนายสำรองมีความฐานใด
ก.ลักทรัพย์ ข.ยักยอก
ค.ฉ้อโกง ง.ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค.ฉ้อโกง

๖. นายนรินทร์ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า เมื่อพนักงาน รักษาความปลอดภัยเผลอได้นำเอา กล้องดิจิตอล และเครื่องคิดเลข ใส่ในกล่องพัดลม ที่ทางห้างติดป้ายราคาไว้ ๕๕๐ บาท ไฟ แล้วนำไปชำระเงิน เมื่อพนักงานเก็บเงิน ดูป้ายราคาแล้ว จึงเก็บเงินค่าพัดลมจากนายนรินทร์ จำนวน ๕๕๐ บาท การกระทำของนายนิรนทร์มีความฐานใด
ก.ลักทรัพย์ ข.ยักยอก
ค.ฉ้อโกง ง.ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก.ลักทรัพย์

๗. นายสัก ขับขี่รถจักรยานยนต์ โยมีนายจรัญ นั่งซ้อนท้าย ไปเติมน้ำมันที่ปั๊มนำมันของนายสุชาติ โดยแจ้งกับนางอรสาภรรยาของนายสุชาติว่า เติมน้ำมันเบนซิน ๕ ลิตร เมื่อเติมน้ำมันเสร็จ นางอรสาขอรับเงินค่าน้ำมัน นายจรัญได้ถือลูกกลม ๆ ในมือให้นางอรสาเห็น แล้วพูดว่า ไม่มีเงินมีไอ้นี่เอาไหม แล้วทั้งสองก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไป การกระทำของนายสักและนายจรัญ เป็นความผิดฐานใด
ก.ร่วมกันชิงทรัพย์ ข. ร่วมกันกรรโชก
ค.ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ ง.ร่วมกันฉ้อโกง
ตอบ ง.ร่วมกันฉ้อโกง

๘. นายชำนาญ ขับรถยนต์ ไปเติมน้ำมันที่ปั๊มนำมันของนายใจดี โดยแจ้งกับนายรุ่นพนักงานเติมน้ำมันของปั๊มว่าเติมเต็มถัง โดยไม่ได้ดับเครื่องยนต์และฝาปิดถังน้ำมันก็ไม่มีแต่ใช้ผ้าอุดไว้แทน เมื่อนายรุ่นเติมน้ำมันใกล้จะเต็มถัง นาย
ชำนาญพูดว่าไม่มีเงินเดี๋ยวจะเอามาให้ นายรุ่นบอกว่าต้องไปบอกนายใจดีก่อน แต่นายชำนาญก็ขับรถออกไปทันที การกระทำของนายชำนาญ เป็นความผิดอาญาฐานใด
ก.วิ่งราวทรัพย์ ข. ลักทรัพย์
ค.ฉ้อโกง ง.ไม่มีความผิดทางอาญาแต่เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง
ตอบ ข. ลักทรัพย์

๙. นายแจ้ง กับ ส.ต.ต.เกรียงไกร และ ส.ต.ท.มานะ กลับจากงานบวชนาคด้วยกัน เมื่อไปถึงทุ่งนา ส.ต.ต.เกรียงไกร บอกว่าจะไปถ่ายเพราะปวดท้องจึงมอบปืนไว้กับ ส.ต.ท.มานะ แล้ว ส.ต.ต.เกรียงไกรก็เดินไปพร้อมกับนายแจ้ง ส่วน ส.ต.ท.มานะก็ไปคุยอยุ่กับพรรคพวก ครู่หนึ่งนายแจ้งกลับมาหา ส.ต.ท.มานะ และหลอกว่า ส.ต.ต.เกรียงไกร ให้มาเอาปืน จะไปธูระ ส.ต.ท.มานะ เห็นว่านายแจ้งกับ ส.ต.ต.เกรียงไกรเป็นเพื่อนกันจึงหลงเชื่อและมอบปืนให้นายแจ้งไป การกระทำของนายแจ้ง เป็นความผิดฐานใด
ก.วิ่งราวทรัพย์ ข. ลักทรัพย์
ค.ฉ้อโกง ง.ยักยอก
ตอบ ข. ลักทรัพย์

๑๐.นายกล้า และนายจ้อย กับพวกอีกห้าคนซึ่งเป็นนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะศึกษาร้อยเอ็ด ได้ขึ้นรถเมล์พบนายเอ็ม นักศึกษาวิทยาลัยพาณิชยการร้อยเอ็ด ซึ่งนักศึกษาทั้งสองสถาบันมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ นายกล้าซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ภายในกลุ่ม อยากจะแสดงให้พรรคพวกเห็นว่าตนเก่งและกล้าพอ จึงไปบังคับ ขู่เข็ญ ให้เอ็มถอดเสื้อฝึกงานและแหวนรุ่นทำด้วยโลหะ นายเอ็มกลัวจะถูกทำร้ายจึงถอดเสื้อฝึกงานและแหวนรุ่นให้นายกล้าไป การกระทำของนายกล้า เป็นความผิดฐานใด
ก.วิ่งราวทรัพย์ ข. ชิงทรัพย์
ค. กรรโชก ง. ผิดต่อเสรีภาพ
ตอบ ง. ผิดต่อเสรีภาพ

๑๑. นายสิงห์ ต้องการจะเข้าไปในเมืองแต่ไม่มีรถ ขณะเดียวกันนายเสือขับรถจักรยานยนต์ผ่านมานายสิงห์วานให้นายเสือขับรถไปส่งในเมือง แต่นายเสือไม่ยอมไปส่งนายสิงห์จึงใช้อาวุธปืนจี้บังคับนายเสือพร้อมพูดว่า “ถ้ามึงไม่ไปเอารถมาให้กู” แต่นายเสือก็ไม่ยอมให้รถจักรยานยนต์แก่นายสิงห์ การกระทำของนายสิงห์ เป็นความผิดฐานใด
ก.พยายามชิงทรัพย์ ข. พยายามวิ่งราวทรัพย์
ค. พยายามกรรโชก ง. ผิดต่อเสรีภาพ
ตอบ ง. ผิดต่อเสรีภาพ

๑๒. นายจรัญกับพวก ร่วมกันจับตัว นายสักไปเพื่อเรียกค่าไถ่ ขณะบุตรชายนายสักนำเงินค่าไถ่ไปให้ จำเลยที่ ๑ มีจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๕ ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ ๑ กับพวกอีกสามคนในที่นั้นด้วย จำเลยที่ ๔ ได้พูดกับบุตรชายผู้เสียหายว่า “เขาจะเอาเท่าไหร่ก็ให้เขาไปเสีย จะได้หมดเวรหมดกรรมกัน” การกระทำของจำเลยที่ ๔ เป็นความผิดฐานใด
ก. เรียกค่าไถ่ ข. สนับสนุนเรียกค่าไถ่
ค.เป็นคนกลางเรียกรับทรัพย์สินจากผู้ที่จะให้ค่าไถ่ ง. ไม่เป็นความผิดทางอาญา
ตอบ ค.เป็นคนกลางเรียกรับทรัพย์สินจากผู้ที่จะให้ค่าไถ่

๑๓. นายซิงห์ นายราม เป็นเพื่อนกันขึ้นรถโดยสารปรับอากาศชั้น ๑ จากจังหวัดอุดรธานีมุ่งหน้าไปจังหวัดนครราชสีมา ขณะที่รถจอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสรจังหวัดขอนแก่น พันตำรวจโท เด่น กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ามีผู้โดยสารลักลอบขนยาเสพติด จึงเข้าตรวจค้นในรถทัวร์ พบนายซิงห์มีพิรุธจึงขอตรวจค้นกระเป๋าถือของนายซิงห์พบเฮโรอีนหนึ่งห่อจึงยึดมาถือไว้ ในขณะนั้นนายซิงห์กลัวความผิดจึงล้วงเอายาเสพติด(ยาบ้า)ที่ซ่อนในกางเกงใส่ปากเคี๊ยว พันตำรวจโท เด่น จึงล้วงเอายาเสพติด(ยาบ้า) ออกจากปากนายซิงห์ยึดเป็นของกลาง ในขณะนั้นเองนายรามเกรงว่านายซิงห์จะต้องรับโทษจึงคว้าเอากระเป๋าถือของนายซิงห์จากพันตำรวจโท เด่น และนำเข้าไปในห้องน้ำรถทัวร์ แล้วเอาเฮโรอินทิ้งลงไปในโถส้วมและกดน้ำทิ้ง พันตำรวจโท เด่น ควบคุมตัวนายซิงห์ นายราม พร้อมยาเสพติด(ยาบ้า)ของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ให้วินิจฉัยว่า นายซิงห์ และ นายราม มีความผิดฐานใด หรือไม่
ก. นายซิงห์และนายรามมีความผิดฐานการทำลายพยานหลักฐานตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๒
ข. นายซิงห์และนายรามไม่มีความผิดฐานการทำลายพยานหลักฐานตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๒
ค. นายซิงห์ไม่มีความผิดฐานการทำลายพยานหลักฐานตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๒ ส่วนนายรามไม่มีความผิดฐานการทำลายพยานหลักฐานตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๒
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค.นายซิงห์ไม่มีความผิดฐานการทำลายพยานหลักฐานตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๒ ส่วนนายรามไม่มีความผิดฐานการ
ทำลายพยานหลักฐานตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๒

๑๔ นายม่วงคึกคะนองได้ใช้ก้อนหินที่มีขนาดน้ำหนัก ๑ กิโลกรัมเศษและครึ่งกิโลกรัมจำนวนหลายก้อนทุ่มจากสะพานข้ามแม่น้ำซึ่งอยู่สูงจากระดับพื้นน้ำประมาณ ๙ เมตร ลงไปยังเรือโดยสารลำหนึ่งซึ่งมีผู้โดยสารอยู่จำนวนมากขณะที่แล่นลอดใต้สะพาน หินก้อนหนึ่งถูกนายฟ้าผู้โดยสารในเรือถึงขั้นได้รับอันตรายสาหัส หินอีกก้อนหนึ่งกระเด็นไปถูกนายเขียวผู้โดยสารในเรืออีกลำหนึ่งที่แล่นสวนมาถูกบริเวณตาข้างซ้าย ทำให้นายเขียวตาบอด ให้วินิจฉัยว่า นายม่วงมีความผิดฐานใด หรือไม่
ก. ทำร้ายร่างกายฟ้าและนายเขียวจนได้รับอันตรายสาหัส
5
ข. ทำร้ายร่างกายฟ้าจนได้รับอันตรายสาหัสและกระทำโดยประมาทเป็นเหตุนายเขียวได้รับอันตรายสาหัส
ค. พยายามฆ่าฟ้าและทำร้ายร่างกายนายเขียวจนได้รับอันตรายสาหัส
ง. พยายามฆ่าทั้งนายฟ้าและนายเขียว
ตอบ ง.พยายามฆ่าทั้งนายฟ้าและนายเขียว

๑๕ นายเขียว นายม่วง และนายเหลืองไม่ชอบหน้านายฟ้า ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังยืนคุยกันอยู่ นายฟ้าเดินผ่านมาพอดี ทั้งสามคนจึงร่วมกันแกล้งนายฟ้าโดยนายเหลืองมอบปืนให้แก่นายเขียว นายเขียวใช้ปืนกระบอกนั้นยิงลงไปที่พื้นดิน ๑ นัด ในขณะที่นายฟ้ากำลังเดินมาหานายเขียวและอยู่ห่างจากนายเขียว ๒ วา ขณะที่นายเขียวยิงปืน นายม่วงทำหน้าที่ยืนบังอยู่ใกล้ ๆ ไม่ให้บุคคลอื่นเห็นการกระทำของนายเขียว ส่วนนายเหลืองไปดูลาดเลาอยู่ห่างจากจุดที่นาย
เขียวยิงประมาณ ๑๒๐ เมตร โดยจุดนั้นไม่สามารถมองเห็นการยิงปืนได้ ปรากฏว่ากระสุนปืนที่นายเขียวยิงไปที่พื้นดินดังกล่าวถูกนายฟ้าได้รับอันตรายแก่กาย ให้วินิจฉัยว่า นายเขียว นายม่วง และนายเหลือง มีความผิดฐานใด หรือไม่
ก.นายเขียว นายม่วง และนายเหลือง มีความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายฟ้า
ข.นายเขียว และนายม่วง มีความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายฟ้า ส่วนนายเหลืองมีความผิดฐาน เป็น
ผู้สนับสนุนให้ นายม่วงและนายเหลืองทำร้ายร่างกายนายฟ้า
ค.นายเขียว และนายม่วง มีความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายฟ้า ส่วนนายเหลืองไม่มีความผิด
ง.นายเขียวเพียงคนเดียวมีความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายนายฟ้า ส่วนนายม่วงและนายเหลืองมีความผิดฐาน เป็น
ผู้สนับสนุน นายม่วงทำร้ายร่างกายนายฟ้า
ตอบ ข.นายเขียว และนายม่วง มีความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายฟ้า ส่วนนายเหลืองมีความผิดฐาน เป็น
ผู้สนับสนุนให้ นายม่วงและนายเหลืองทำร้ายร่างกายนายฟ้า

๑๖. นายชัยมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสองคัน คือ หมายเลขทะเบียน กข-๑๑ นนทบุรี และหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี ต่อมารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี ครบกำหนดต่อทะเบียนประจำปี นายชัยจึงนำแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๑ คันหมายเลขทะเบียน กข-๑๑ นนทบุรี ซึ่งยังไม่ครบเสียภาษีที่เจ้าพนักงานขนส่งจังหวัดนนทบุรี ออกให้ มาถ่ายเอกสารเป็นภาพสีให้ปรากฏข้อความที่มีสี ตัวอักษรและขนาดเหมือนต้นฉบับที่แท้จริง แล้วนำไปติดที่กระจกหน้ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี วันเกิดเหตุนายชัยได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กข-๕๕ นนทบุรี มาถึงด้านจุดตรวจ ดาบตำรวจ ชาญ เรียกให้หยุดรถและตรวจพบสำเนาแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ที่ได้จากการถ่ายเอกสารดงกล่าวติดที่กระจกหน้ารถยนต์นั้น ให้วินิจฉัยว่า นายชัยมีความผิดฐานใด หรือไม่
ก. นายชัยความผิดฐานปลอมเอกสารราชการเพียงกระทงเดียว
ข. นายชัยความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมเพียงกระทงเดียว
ค.นายชัยความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
ง.ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค.นายชัยความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม

๑๗. นางสาวระย้าตั้งครรภ์โดยฝ่ายชายไม่ยอมรับเลี้ยง จึงให้นายแพทย์องอาจทำแท้งให้ ปรากฏว่าการทำแท้งไม่สำเร็จเพราะบุตรของนางสาวระย้าคลอดออกมายังมีชีวิตอยู่ แต่นางสาวระย้าได้รับอาการป่วยเจ็บทำงานตามปกติไม่ได้เลยเป็นเวลา ๓๐ วัน ให้วินิจฉัยว่า นายแพทย์องอาจ มีความผิดฐานใด หรือไม่และต้องรับโทษฐานใดหรือไม่
ก. ไม่มีความผิดเพราะนางสาวระย้ายินยอม
ข. มีความผิดฐานพยายามทำให้หญิงแท้งลูกเป็นเหตุให้หญิงนั้นได้รับอันตรายสาหัส แต่ไม่ต้องรับโทษ เพราะกฎหมายยกเว้นโทษให้
ค. มีความผิดฐานพยายามทำให้หญิงแท้งลูกเป็นเหตุให้หญิงนั้นได้รับอันตรายสาหัส และต้องรับโทษตามกฎหมาย
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค.มีความผิดฐานพยายามทำให้หญิงแท้งลูกเป็นเหตุให้หญิงนั้นได้รับอันตรายสาหัส และต้องรับโทษตามกฎหมาย

๑๘. นายต้นถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา นายต้นกลัวว่า ศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุก จึงไปปรึกษานายส่งซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ทำหน้าที่เก็บสำนวนคดีอยู่ที่ศาลนั้นซึ่งรู้จักกันมาก่อน นายส่งได้พูดว่ารู้จักผู้พิพากษาในคดีที่นายต้นถูกฟ้อง เคยเสนอสำนวนให้ท่านพิจารณา หากนายต้นให้เงินตน 100,000 บาท ก็จะขอให้ศาลพิพากษารอการลงโทษแก่นายต้น แต่นายส่งมิได้ระบุชื่อผู้พิพากษา นายต้นจึงมอบเงินจำนวน 100,000 บาท แก่นายส่ง ต่อมาศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายต้น นายต้นจึงทราบว่านายส่งมิได้วิ่งเต้นให้ตนเลย เพราะนายส่งไม่เคยรู้จักผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เหตุที่นายส่งแอบอ้างเพราะเข้าใจว่าคดีประเภทนี้ศาลมักจะรอการลงโทษอยู่แล้ว นายต้นจึงไปต่อว่านายส่งว่าทำให้ตนเสียหายต้องโทษจำคุกและขอเงินคืน นายส่งอ้างว่ามิได้กระทำความผิดแต่อย่างใดและไม่ยอมคืนเงิน 100,000 บาทให้ ให้วินิจฉัยว่า นายส่งจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ฉ้อโกง
ข. ฉ้อโกงโดยอาศัยโฉดเขลาหรือเบาปัญญาของผู้อื่น
ค. เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ง. เรียก รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานโยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย
ตอบ ง.เรียก รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานโยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย

๑๙. นายอ้วนกับนายผอมเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน วันเกิดเหตุนายอ้วนไปท้าทายนายผอมโดยพูดว่า "มึงออกมาต่อยกับกูตัวต่อตัว ถ้าแน่จริง" นายผอมเดินออกจากบ้านไปพบนายอ้วนโดยพกอาวุธปืนสั้นไปด้วย นายอ้วนชักมีดออกมาเพื่อจ้วงแทงนายผอม จึงถูกนายผอมใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงในระยะ 2 เมตร ถูกนายอ้วนที่หน้าอกจำนวน3 นัด นายอ้วนได้รับอันตรายสาหัส ให้วินิจฉัยว่า นายผอมมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.พยายามฆ่านายอ้วน แต่อ้างบันดาลโทสะและป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้
ข. พยายามฆ่านายอ้วน และอ้างบันดาลโทสะและป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้
ค. ทำร้ายร่างกายนายอ้วนจนได้รับอันตรายสาหัสแต่อ้างป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้
ง. ทำร้ายร่างกายนายอ้วนจนได้รับอันตรายสาหัสแต่บันดาลโทสะได้
ตอบ ข. พยายามฆ่านายอ้วน และอ้างบันดาลโทสะและป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้

๒๐. นายดำเป็นลูกจ้างมีหน้าที่รับและจ่ายเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดแดงก่อสร้าง ซึ่งมีนายแดงเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ นายเขียวลูกหนี้ของห้างฯ สั่งจ่ายเช็คของธนาคารแห่งหนึ่งให้แก่ห้างฯ เพื่อชำระหนี้ โดยนำเช็คไปมอบให้นายดำ นายดำเห็นว่านายแดงไม่อยู่ที่ห้างฯ จึงลงลายมือชื่อของนายดำด้านหลังเช็คแล้วนำตราของห้างฯประทับกำกับลายมือชื่อของนายดำ เพื่อให้พนักงานธนาคารหลงเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อสลักหลังเช็คโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนห้างฯ และจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่านายดำป่วยจึงไม่ได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามที่ตั้งใจไว้ให้วินิจฉัยว่า นายดำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
ก. ปลอมเอกสารสิทธิ ข. ปลอมเอกสารตั๋วเงิน
ค. ยังไม่มีความผิดเพราะยังไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน ง. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ข.
ตอบ ง.ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ข.

๒๑. นายแสบไม่พอใจนายรวยเจ้าหนี้เงินกู้ของตน จึงแอบเข้าไปลักทรัพย์ของนายรวยบริเวณแพริมน้ำซึ่งนายรวยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แหวนเพชรมาหนึ่งวง เมื่อนายแสบกลับถึงบ้านแล้ว จึงทราบว่าเป็นแหวนของตนเอง ที่จำนำไว้แก่นายรวย ให้วินิจฉัยว่า นายแสบมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน ข. บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน
ค. โกงเจ้าหนี้ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ข.บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน

๒๒. นายชายหลงรักนางสาวหญิง แต่นางสาวหญิงไม่สนใจ คืนวันหนึ่งนายชายเดินผ่านหน้าบ้านนางสาวหญิงเห็นนางสาวหญิงอยู่บ้านคนเดียวจึงเข้าไปหาเพื่อจะลวนลาม นางสาวหญิงตกใจร้องเรียกให้คนช่วย นายชายจึงขู่ไม่ให้ร้อง มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย นางสาวหญิงกลัวจึงหยุดร้องแต่ในขณะนั้นเองสร้อยข้อมือที่นางสาวหญิงใส่อยู่ขาดตกลงบนพื้น นายชายเห็นสร้อยข้อมือของนางสาวหญิงตก จึงก้มลงหยิบแล้วหลบหนีไป ให้วินิจฉัยว่า นายชายมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยขู่เข็ญว่าจะใช้ลังประทุษร้าย
ข. ชิงทรัพย์
ค. ลักทรัพย์เคหสถานในเวลากลางคืน
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ค
ตอบ ง.ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ค

๒๓. นางดาวทำร้ายร่างกายนายเดือนจนได้รับอันตรายแก่กาย พันตำรวจโทเอกชัย พนักงานสอบสวน จึงจับกุมนางดาวเป็นผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย นางดาวกลัวจะติดคุกจึงขอให้ พันตำรวจโทเอกชัย พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเจ้าของคดีช่วยเหลือตนโดยเสนอเงินให้ห้าแสนบาท เพื่อเป็นค่าทำพยานหลักฐานให้อ่อนช่วยนางดาวให้พ้นผิด ทำให้พันตำรวจโทเอกชัยโกรธจึงแกล้งเปลี่ยนข้อหาเป็นพยายามฆ่าผู้อื่นแล้วทำสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องเสนอพนักงานอัยการ ต่อมาพนักงานอัยการได้พิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า
พยานหลักฐานไม่พอฟ้องให้ศาลลงโทษ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนางดาว ให้วินิจฉัยว่า พันตำรวจโทเอกชัย มีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน
ข. เป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อแกล้งให้นางดาวได้รับโทษหนักขึ้น
ค. ไม่มีความผิดเพราะมิได้กระทำตามที่นางดาวขอให้ช่วย
ง. ผิดทั้ง ก และ ข
ตอบ ข.เป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมกระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อแกล้งให้นางดาวได้รับโทษหนักขึ้น

๒๔. ระหว่างที่นายกบกับนายเขียดเดินเล่นอยู่ในสวนจตุจักร นายกบเหลือบไปเห็นนายปลาทำนาฬิกาหล่นจึงรีบเดินเข้าไปเก็บ โดยนายเขียดไม่คาดคิดมาก่อนว่านายกบจะทำเช่นนั้น ส่วนนายปลาเมื่อเดินไปได้ไม่ไกลทราบว่านาฬิกาหล่นหายไปจึงเดินกลับมายังจุดที่นายกบและนายเขียดยืนอยู่ เมื่อนายกบเห็นนายปลาเดินกลับมาจึงได้ส่งนาฬิกาให้นายเขียดนำออกไปจากบริเวณนั้น เมื่อนายปลาเดินมาถึงสอบถามว่านายกบเห็นนาฬิกาหรือไม่ นายกบตอบว่าไม่เห็น แล้ว
มองตามหลังนายเขียดไป นายปลาเชื่อว่านายเขียดเอานาฬิกาไป จึงวิ่งตามไปร้องตะโกนว่า "ขโมย ๆ" นายเขียดจึงชกปากนายปลาอย่างแรงแล้วหนีไป ปรากฏว่านายปลาปากแตก ฟันหักสี่ซี่ ให้วินิจฉัยว่า นายกบและนายเขียดมีความผิดฐานใดบ้าง
ก. นายกบผิดลักทรัพย์ นายเขียดผิดรับของโจรและทำร้ายร่างกายนายปลา
ข. ทั้งสองคนผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์
ค. นายกบผิดลักทรัพย์ และสนับสนุนให้นายเขียดทำร้ายร่างกายนายปลา
ง. นายกบผิดยักยอกทรัพย์สินหาย และสนับสนุนให้นายเขียดทำร้ายร่างกายนายปลา
ตอบ ก.นายกบผิดลักทรัพย์ นายเขียดผิดรับของโจรและทำร้ายร่างกายนายปลา

๒๕. ขณะที่เด็กชายตุ๋ยอายุ 5 ปี กำลังวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าในบริเวณรั้วบ้านของนางระเบียบซึ่งเป็นมารดา นายสังเวชซึ่งประสบภาวะการขาดทุนทางการค้าได้เข้าไปอุ้มเด็กชายตุ๋ยไปโดยเด็กชายตุ๋ยยอมไปด้วย จากนั้นนายสังเวชโทรศัพท์ไปถึงนางระเบียบมารดาของเด็กชายตุ๋ย ให้นำเงิน 500,000 บาทใส่ถุงกระดาษไปวางไว้ ณ โบสถ์แห่งหนึ่ง เมื่อได้รับเงินแล้วจะนำตัวเด็กชายตุ๋ยไปส่งคืน นางระเบียบจำเสียงนายสังเวชได้แต่ก็ตอบตกลงและนำเงินไปส่งมอบณ สถานที่นัดไว้ เมื่อได้ตัวเด็กชายตุ๋ยคืนมาแล้ว จึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับนายสังเวชได้พร้อมกับเงินของกลางให้วินิจฉัยว่า นายสังเวชมีความผิดฐานใดบ้าง
ก. เรียกค่าไถ่,พรากผู้เยาว์ และบุกรุกเคหสถาน
ข. ผิดเรียกค่าไถ่ อย่างเดียว พรากผู้เยาว์ไม่ผิดเพราะ ด.ช.ตุ๋ย เต็มใจไปด้วย
ค. ผิดเรียกค่าไถ่ อย่างเดียว พรากผู้เยาว์ไม่ผิดเพราะ ด.ช.ตุ๋ย เต็มใจไปด้วย และไม่ผิดบุกรุกเคหสถาน
เพราะเข้าไปในสนามหญ้าเท่านั้น
ง. ข้อ ข และ ค ถูก
ตอบ ก. เรียกค่าไถ่,พรากผู้เยาว์ และบุกรุกเคหสถาน

๒๖. ร้อยตำรวจเอกเก่งและสิบตำรวจเอกขาวขับรถจักรยานยนต์ออกตรวจท้องที่ตามอำนาจหน้าที่ พบนายแดงกำลังขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายทะเบียนรถทั้งสองคันอย่างคึกคะนองด้วยความเร็วสูงบนถนนหลวงจึงได้ให้สัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจจับ แต่นายแดงและนายดำไม่ยอมหยุดและได้ขับรถจักรยานยนต์หนีไปร้อยตำรวจเอกเก่งและสิบตำรวจเอกขาวจึงขับรถจักรยานยนต์ไล่ตามจนทันและจับกุมตัวนายแดงไว้ได้แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา ครั้นร้อยตำรวจเอกเก่งเผลอนายแดงได้หลบหนีไป ให้วินิจฉัยว่า นายแดง มีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่
ข.หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา
ค. ถูกทั้ง ก และ ข
ง. ผิดทั้ง ก และ ข
ตอบ ค. ถูกทั้ง ก และ ข

๒๗. นายก้างกับนายกรอบยืนดักคอยล้วงกระเป๋าผู้ที่เข้าไปพักผ่อนหย่อนใจและชมการแสดงดนตรีใน
สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ขณะนั้นนางสาวผุดผ่องกำลังยืนดูดนตรีกับนายกล้ามคนรัก นายก้างบอกให้นายกรอบเข้าไปกระตุกสร้อยคอของนางสาวผุดผ่องที่ห้อยออกมานอกเสื้อ นายกรอบทำท่าลังเล นายก้างจึงเข้าไปกระตุกสร้อยคอวิ่งหนีไป ส่วนนายกรอบถูกนายกล้ามจับตัวไว้ จึงร้องตะโกนเรียกให้นายก้างช่วย นายก้างจึงย้อนกลับไปใช้อาวุธมีดที่นำติดตัวมาขู่นายกล้ามว่า หากไม่ยอมปล่อยตัวนายกรอบจะแทงให้ตาย นายกล้ามกลัวจึงปล่อยตัวนายกรอบไป ให้วินิจฉัยว่า นายก้างและนายกรอบมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. นายก้างผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ส่วนนายกรอบผิดชิงทรัพย์
ข. ทั้งสองคนผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์
ค. ทั้งสองคนผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์
ง. ผิดทุกข้อ
ตอบ ค. ทั้งสองคนผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์

๒๘. นายแสงชัย นายอำเภอสาระขัณฑ์ ถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่าประพฤติตนและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นายสมศักดิ์ ปลัดอำเภอในอำเภอดังกล่าวซึ่งถูกคณะกรรมการเรียกไปเป็นพยาน ได้ให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการว่า ตนได้ยินข่าวลือว่านายแสงชัยชอบเรียกนางสาวขวัญใจผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปอยู่ในห้องนายอำเภอตามลำพังในเวลาเช้าและหลังเวลาราชการเกือบทุกวัน เคยได้ยินข้าราชการในอำเภอพูดกันมากว่านายอำเภอและนางสาวขวัญใจมีความสัมพันธ์ถึงขั้นได้เสียกัน ต่อมานายชวลิตนักข่าว เขียนข่าวลงในหนังสือพิมพ์ว่านายอำเภอสาระขัณฑ์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องความประพฤติ พยานใกล้ชิดระดับปลัดอำเภอให้ถ้อยคำยืนยันชนิดดิ้นไม่หลุดว่า
นายอำเภอได้เสียกับผู้ใต้บังคับบัญชาในห้องทำงานเป็นประจำ งานนี้ตำแหน่งนายอำเภอคงสั่นคลอนอย่างแน่นอนให้วินิจฉัยว่า นายสมศักดิ์และนายชวลิตมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. นายสมศักดิ์ผิดฐาน หมิ่นประมาท ส่วน นายชวลิตผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ข. นายสมศักดิ์ไม่มีความผิดหมิ่นประมาท ส่วนนายชวลิตผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร
ค. นายสมศักดิ์มีความผิดหมิ่นประมาท ส่วนนายชวลิตไม่มีผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร
ง. ทั้งนายสมศักดิ์ และนายชวลิต ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ตอบ ข. นายสมศักดิ์ไม่มีความผิดหมิ่นประมาท ส่วนนายชวลิตผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร

๒๘. ร้อยตำรวจเอกสมยศ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม ออกตรวจท้องที่ โดยมีนายสาราษฎรซึ่งเป็นสายลับของร้อยตำรวจเอกสมยศแต่งกายคล้ายตำรวจพกอาวุธปืนและกุญแจมือติดตามไปด้วย นายสาพบนายทับคู่อริซึ่งเคยขายยาบ้า
จึงเข้าทำการจับกุมตรวจค้นตัว และใส่กุญแจมืออย่างตำรวจ นายทับวิ่งหนี นายสาจึงใช้อาวุธปืนที่นำติดตัวมายิงนายทับตาย ร้อยตำรวจเอกสมยศจะจับนายสา นายสากลัวความผิดจึงขอร้องให้ร้อยตำรวจเอกสมยศช่วยตนโดยทวงบุญคุณที่นายสาเคยช่วยเหลือไว้ ร้อยตำรวจเอกสมยศจึงช่วยนายสาโกยเลือดนายทับที่อยู่ในที่เกิดเหตุและนำศพนายทับบรรทุกรถยนต์ไปทิ้งที่อื่นเพื่ออำพรางคดี
ให้วินิจฉัยว่า ร้อยตำรวจเอกสมยศจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใด หรือไม่
ก. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ข. ทำลายพยานหลักฐานในการกระทำความผิด เพื่อช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือได้รับโทษน้อยลง
ค. ย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ

๒๙. นายหนึ่งต้องการฆ่านายสองจึงไปดักซุ่มยิงนายสอง เมื่อนายสองมาถึงจุดที่นายหนึ่งดักซุ่มอยู่ในระยะห่างประมาณ 20 เมตร นายหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงนายสองหลายนัด กระสุนปืนนัดแรกถูกบริเวณคอด้านหน้าขวาและบริเวณชายโครงขวาด้านหน้า ทั้งสองแห่งมีบาดแผลขนาด 0.5 เซนติเมตร ไม่มีความลึก ซึ่งเป็นบาดแผลที่รักษาหายภายใน 7 วัน ทั้งนี้เพราะกระสุนปืนไม่มีความรุนแรงที่จะทำให้นายสองตายได้ เพราะอาวุธปืนกำลังอ่อนปรากฏว่ากระสุนปืนอีกนัดหนึ่งเลยไปถูกนายสามที่ใบหน้าเป็นเหตุให้ดวงตาข้างซ้ายปิดบวมช้ำ ต่อมาอีก 5 วันดวงตาข้างซ้ายนั้นบอด ให้วินิจฉัยว่า นายหนึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่
ก.พยายามฆ่าผู้อื่นแต่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้
ข. พยามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแต่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้
ค. ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ง. ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ตอบ ข. พยามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแต่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้

๓๐. นายเดชตัดเลขหมายประจำแชสซีของรถยนต์โตโยต้าออก แล้วตัดเลขหมายประจำแชสซี
ของรถยนต์ฮอนด้ามาเชื่อมต่อไว้แทน เอาป้ายทะเบียนรถยนต์ฮอนด้าที่ทางราชการออกให้ไปติดใช้กับ
รถยนต์โตโยต้าซึ่งป้ายทะเบียนหลุดตกหายไป และเอาแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีที่แท้จริงของรถยนต์ฮอนด้าไปติดไว้ที่กระจกหน้ารถยนต์โตโยต้าซึ่งมิได้เสียภาษีรถยนต์ประจำปี แล้วนำรถยนต์โตโยต้าไปใช้งานเพื่อให้คนหลงเชื่อว่ารถยนต์โตโยต้าคันดังกล่าวมีเลขหมายประจำแชสซี หมายเลขป้ายทะเบียนตามที่นายเดชทำและเสียภาษีรถยนต์ประจำปีถูกต้องแล้วให้วินิจฉัยว่า นายเดชมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่
ก. ฐานปลอมเอกสารและปลอมเอกสารราชการ
ข. ใช้เอกสารปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม
ค. ผิดทั้ง ข้อ ก.และ ข.
ง. ไม่ผิดทั้ง ข้อ ก.และ ข.
ง.ไม่ผิดทั้ง ข้อ ก.และ ข.

๓๑. นายแก่น นายกล้า และนายเขียววางแผนจะไปปล้นทรัพย์ที่บ้านนายรวยโดยตกลงกันว่า ให้นายแก่น
เป็นผู้เข้าไปควบคุมและทำร้ายนายรวย เพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์ หากขัดขืนก็ให้ฆ่านายรวยได้ คืนต่อมาทั้งสามคนได้เข้าไปในบ้านของนายรวย นายแก่นตามหานายรวยไม่พบ เพราะนายรวยแอบไปอยู่บนหลังคาบ้านเมื่อนายกล้าและนายเขียวเอาทรัพย์ไปจนเป็นที่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะออกจากบริเวณบ้าน สุนัขของนายรวยเห่านายแก่นกับพวก นายแก่นจึงเอาอาวุธมีดที่นำติดตัวไปด้วย ฟันสุนัขของนายรวยตาย
ให้วินิจฉัยว่า นายแก่น นายกล้า และนายเขียวมีความผิดฐานใด หรือไม่
ก. ปล้นทรัพย์ ข. ร่วมกันลักทรัพย์
ค. ร่วมกันบุกรุก ง. ข้อ ข และ ค ถูก
ตอบ ง.ข้อ ข และ ค ถูก

๓๒. นายมืดแอบเข้าไปลักโคของนายขาวจากฝูงในขณะที่นายขาวเผลอ หลังจากที่นายมืดลักโคไปได้
ประมาณ 10 นาที นายขาวทราบจึงออกติดตามไปในทันที อีกสองชั่วโมงต่อมาก็ตามไปทัน นายมืดใช้อาวุธปืนยิงขู่เพื่อไม่ให้นายขาวติดตาม โคของนายขาวตกใจเพราะเสียงปืนจึงวิ่งหนีเข้าไปในป่าบริเวณนั้น ส่วนนายมืดหลบหนีไปอีกทางหนึ่ง ให้วินิจฉัยว่า นายมืดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่
ก. ลักทรัพย์ ข. พยามยามลักทรัพย์
ค. ชิงทรัพย์ ง. พยายามชิงทรัพย์
ตอบ ค.ชิงทรัพย์

๓๓. นายมืดแอบเข้าไปลักโคของนายขาวจากฝูงในขณะที่นายขาวเผลอ หลังจากที่นายมืดลักโคไปได้
ประมาณ 10 นาที นายขาวทราบจึงออกติดตามไปในทันที อีกสองชั่วโมงต่อมาก็ตามไปทัน นายมืดใช้อาวุธปืนยิงขู่เพื่อไม่ให้นายขาวติดตาม โคของนายขาวตกใจเพราะเสียงปืนจึงวิ่งหนีเข้าไปในป่าบริเวณนั้น ส่วนนายมืดหลบหนีไปอีกทางหนึ่ง นายขาวตามหาโคอยู่หลายวันแต่ไม่พบ นายเหลี่ยมเพื่อนบ้านจึงหลอกนายขาวว่าตนทราบว่านายมืดนำโคไปซ่อนไว้ ณ ที่ใด หากนายขาวประสงค์จะได้โคคืน จะต้องนำเงินค่าไถ่ไปให้นายมืด 5,000 บาท ซึ่งความจริงแล้วนายเหลี่ยมไม่ทราบว่าโคอยู่ ณ ที่ใด และไม่เคยรู้จักนายมืด นายขาวหลงเชื่อ จึงมอบเงินให้นายเหลี่ยมไป ให้วินิจฉัยว่า นายเหลี่ยมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่
ก.รับของโจร ข.ฉ้อโกง
ค.ไม่มีความผิดทางอาญา เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ข.ฉ้อโกง

๓๔. นายเด่น นายกเทศมนตรี มีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบการบริหารราชการทั้งปวงภายในเขตเทศบาลได้ประกาศเรียกประกวดราคาจ้างถมดินอ่างเก็บน้ำ ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมชนะการประกวดราคาในราคาต่ำสุดและเป็นราคาต่ำกว่าราคากลางที่ทางราชการกำหนดไว้ นายเด่นจึงลงนามในสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดชำนาญถมเป็นผู้รับจ้างและได้ออกคำสั่งแต่งตั้งนายดวงซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัสดุ มีหน้าที่ดูแลรักษาและสั่งอนุญาตใช้รถยนต์ของเทศบาล เป็นกรรมการตรวจรับงานจ้างถมดินอ่างเก็บน้ำ นายดวงได้โอกาสจึงเข้าเป็นผู้รับเหมางานช่วงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมโดยนำรถยนต์บรรทุกของทางราชการไปใช้ขนดินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมจนเสร็จตามสัญญา ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายเด่นและนายดวงเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมให้วินิจฉัยว่า นายดวงมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฐานใดหรือไม่
ก. เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่
เทศบาล
ข.เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง
หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น
ค. ข้อ ก และ ข. ถูก
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. ข้อ ก และ ข. ถูก

๓๕. นายจิตต้องการขโมยร่มของนายใจ แต่ไม่มีโอกาสที่จะไปหยิบร่มนั้นด้วยตนเอง นายจิตจึงไปหลอกนายจอมว่าร่มของนายใจเป็นของนายจิต ขอให้นายจอมช่วยหยิบส่งมาให้โดยจะให้เงินค่าจ้าง นายจอมหลงเชื่อ จึงหยิบร่มของนายใจส่งให้แก่นายจิต แล้วนายจิตก็เอาร่มนั้นไป ให้วินิจฉัยว่า นายจอมและนายจิตมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. นายจอมผิดฐานลักทรัพย์ผู้อื่น ส่วนนายจิตผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายจอมผิดฐานลักทรัพย์ผู้อื่น
ข. นายจอมไม่มีความผิด ส่วนนายจิตผิดฐานลักทรัพย์ผู้อื่น
ค. ทั้งนายจอมและนายจิตผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่น
ง. ผิดทุกข้อ
ตอบ ข.นายจอมไม่มีความผิด ส่วนนายจิตผิดฐานลักทรัพย์ผู้อื่น

๓๖. นายหนึ่งปลูกข้าวไว้ในที่นาของตนซึ่งอยู่ติดกับถนนสาธารณะ ขณะนั้นเป็นฤดูฝน นายหนึ่งเกรงว่า
หากฝนตกหนักน้ำจะท่วมที่นาของตนทำให้ข้าวที่ปลูกไว้ตาย นายหนึ่งจึงขุดถนนสาธารณะข้างที่นาของตนเพื่อทำเป็นทางระบายน้ำจากที่นาลงหนองน้ำสาธารณะ นอกจากนั้น นายหนึ่งยังถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวที่งอกขึ้นเองในหนองน้ำนั้นเพื่อให้น้ำไหลสะดวกหากฝนตก และนายหนึ่งเห็นอยู่แล้วว่ามีต้นข้าวขึ้นสูงจะออกรวงอยู่แล้วปะปนอยู่ระหว่างกอบัวและนายหนึ่งทราบดีว่านายสองผู้เป็นชาวนาเป็นคนปลูกต้นข้าวนั้น ปรากฏว่าต้นข้าวของนายสองถูกนายหนึ่งตัดขาดไปหลายต้น ให้วินิจฉัยว่า นายหนึ่งมีความรับผิดฐานใดหรือไม่
ก. ทำให้เสียทรัพย์ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์
ข. ทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นพืชผลของกสิกร
ค. มีความผิดตามข้อ ก และ ข แต่อ้างว่ากระทำผิดด้วยความจำเป็นได้
ง. ข้อ ก และข้อ ข ถูก
ตอบ ง.ข้อ ก และข้อ ข ถูก

๓๗. นายชัยมีความประสงค์ที่จะขายที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นของตนให้แก่นายชม แต่นายชัยเกิดป่วยหนักไม่สามารถดำเนินการเองได้ จึงตั้งใจจะทำหนังสือมอบอำนาจให้นายชาญจัดการแทน นายชัยเพียงแต่ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือมอบอำนาจ และมอบหมายให้นายชาญกรอกข้อความเอง แต่นายชัยถึงแก่ความตายเสียก่อนมีการกรอกข้อความ นายชาญจึงนำหนังสือมอบอำนาจที่นายชัยเพียงแต่ลงลายมือชื่อไว้ไปกรอกข้อความว่า นายชัยมอบอำนาจให้นายชาญขายที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นให้แก่นายชม ซึ่งตรงตามความประสงค์ของนายชัย ทั้งที่นายชาญรู้ว่านายชัยถึงแก่ความตายแล้ว และนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปให้นายชม โดยที่นายชมไม่รู้ว่านายชัยถึงแก่ความตายวันต่อมา นายชาญและนายชมนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปยื่นแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นให้แก่นายชม ให้วินิจฉัยว่า นายชาญมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ข. ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกส่ารสทธิปลอม
ค. ใช้เอกสารสิทธิปลอม ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ข. ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกส่ารสทธิปลอม

๓๘. นายยอดประสงค์จะเช่าซื้อรถยนต์คันหนึ่ง จากบริษัทยานยนต์ จำกัด ซึ่งตนสามารถเช่าซื้อได้ในราคาถูกจึงชวนนายยิ่งให้ไปเช่าซื้อรถยนต์คนละคัน เพราะทราบมาว่านายยิ่งต้องใช้รถยนต์รับส่งลูกไปโรงเรียน ขณะนั้นนายยิ่งเพิ่งเสียการพนันเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงแกล้งตอบตกลงและไปทำสัญญา โดยนายยอดไม่ทราบความในใจของนายยิ่งว่าโดยใจจริงแล้วไม่คิดจะเช่าซื้อเลย ต่อมาเมื่อได้รับมอบรถยนต์ตามสัญญาแล้ว นายยิ่งก็นำรถยนต์ไปขายให้นายดำทันที ส่วนนายยอดเอง เมื่อผ่อนชำระราคาเช่าซื้อได้เพียง 8 งวด ก็ไม่สามารถผ่อนส่งต่อไปได้ จึงแอบนำรถยนต์ไปขายให้นายเขียวแล้วหลบหนีไป ให้วินิจฉัยว่า นายยอดและนายยิ่งมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ทั้งสองคนไม่มีความผิดทางอาญา เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง
ข. ทั้งสองคนมีความผิดฐานยักยอก
ค. ทั้งสองคนมีความผิดฐานยักยอก
ง. นายยอดผิดฐานยักยอก ส่วนนายยิ่งผิดฐานฉ้อโกง
ตอบ ง.นายยอดผิดฐานยักยอก ส่วนนายยิ่งผิดฐานฉ้อโกง

๓๙. นายเอกชวนนางสาวสมร อายุ ๑๖ ปี ซึ่งเป็นคนรักไปเที่ยวชายทะเลด้วยกัน โดยนายเอกมิได้ขออนุญาตนายโทบิดาของนางสาวสมร จนกระทั่งสองยามจึงพานางสาวสมรกลับบ้าน นายโทโกรธจึงต่อว่านายเอกว่า เป็นผู้ชายที่ชอบหลอกลวงผู้หญิงไปกระทำอนาจาร เป็นเสือผู้หญิงไว้ใจไม่ได้ ต่อหน้านางสาวสมรและนางแต๋ว เด็กรับใช้ โดยทราบดีว่าข้อความที่ตนกล่าวไม่เป็นความจริง นายเอกรู้สึกอายจึงนอนคิดทบทวนแล้วตัดสินใจที่จะฟันแขนเทียมทั้งสองข้างที่
นายโทใช้แทนแขนจริงมานานแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นจึงไปดักซุ่มอยู่ที่หน้าบ้าน พอนายโทออกจากบ้านมา นายเอกใช้อาวุธมีดฟันแขนเทียมของนายโททั้งสองข้างจนขาด เป็นเหตุให้นายโทไม่อาจใช้แขนทำงานตามปกติได้ถึง 40 วัน เพราะต้องรอทำแขนเทียมอันใหม่เสร็จ ให้วินิจฉัยว่า นายเอกและนายโทมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.ทำร้ายร่างกายนายโทจนได้รับอันตรายสาหัส
ข.ทำร้ายร่างกายนายโทจนได้รับอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ค.ทำให้เสียทรัพย์
ง.ข้อ ข และข้อ ค ถูก
ตอบ ง.ข้อ ข และข้อ ค ถูก

๔๐. นางสาวแดงรู้ความลับเกี่ยวกับความประพฤติมนทางชู้สาวของนางสวยนายจ้างของตนกับชายอื่น และเล่าความลับดังกล่าวให้นายดำฟัง ต่อมานายดำได้แอบโทรศัพท์ไปหานางสาวสวยขู่ว่าจะนำความลับนี้ไปเปิดเผยให้สามีของนางสวยทราบเว้นแต่นางสวยจะเลิกกีดกันนางสาวแดงกับตนและยอมให้ตนเข้าไปหานางสาวแดงได้ทุกเวลา นางสวยกลัวคำขู่ของนายดำจึงตอบตกลงและยอมให้นายดำเข้าไปในบ้านในเวลาต่อมา ให้วินิจฉัยว่านายดำมีความผิด ฐานใด
ก.กรรโชก
ข.รีดเอาทรัพย์
ค.ผิดต่อเสรีภาพ นางสวย ตาม ป.อ.มาตรา ๓๐๙ วรรคหนึ่ง
ง.ข้อ ก และ ค.ถูก
ตอบ ค.ผิดต่อเสรีภาพ นางสวย ตาม ป.อ.มาตรา ๓๐๙ วรรคหนึ่ง
๔๑.นายตึ๋งจดทะเบียนสมรสกับนางแดงที่สำนักงานทะเบียนอำเภอเมืองอุดรธานี และอยู่กินด้วยกันที่จังหวัดอุดรธานี ต่อมานางตึ๋งและนางติ๋วได้ไปขอจดทะเบียนสมรสกัน ณ สำนักทะเบียนอำเภอเมืองมหาสารคาม โดยนายตึ๋งแจ้งต่อนายทะเบียนว่าจนไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน นายทะเบียนจึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานในการขอจดทะเบียนสมรสว่านายตึ๋งไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน แล้วได้จดทะเบียนให้นายตึ๋งและนางติ๋วไป ให้วินิจฉัยว่านายตึงมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. แจ้งความเท็จ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๗
ข.แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จตาม ป.อ.มาตรา ๒๖๗
ค. ข้อ ก และ ข ถูก
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. ข้อ ก และ ข ถูก

๔๒. นายอาทิตย์ลืมโทรศัพท์มือถือไว้บนรถโดยสารประจำทาง มารู้ตัวเมื่อรถประจำทางออกจากป้ายไปแล้ว นายอาทิตย์จึงได้โทรศัพท์สาธารณะโทรไปยังเลขหมายโทรศัพท์มือถือของตน นายจันทร์พนักงานเก็บค่าโดยสารบนรถประจำทางคันดังกล่าวได้ยินสัญญาณโทรศัพท์มือถือดังขึ้น จึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของนายอาทิตย์ นำไปมอบให้นายอังคารพนักงานขับรถประจำทางคันดังกล่าวพร้อมแจ้งว่าเป็นของผู้โดยสารลืมไว้ นายอังคารรับไว้แล้วเก็บไว้ในช่องลิ้นชักเก็บของรถประจำทาง ส่วนนายอาทิตย์ได้ว่าจ้างรถจักรยานยนต์ไล่ตามรถประจำทางไปทันกันที่ปลายระยะทางรถประจำทาง แล้วขึ้นไปสอบถามหาโทรศัพท์มือถือของตนกับนายจันทร์ นายจันทร์ปฏิเสธไม่เห็น นายอาทิตย์จึงไปสอบถามนายอังคาร นายอังคารบอกว่าไม่ทราบให้ไปถามนายจันทร์ นายอาทิตย์จึงถามนายจันทร์อีกครั้ง นายจันทร์ปฏิเสธว่าไม่เห็นพร้อมเปิดกระเป๋าสะพายที่สะพายอยู่ให้นายอาทิตย์ค้น นายอาทิตย์ค้นดูแล้วไม่พบโทรศัพท์มือถือของตนจึงลงจากรถประจำทางไป
ให้วินิจฉัยว่านายจันทร์และนายนายอังคารมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.ทั้งสองคนมีความผิดฐานร่วมกันยักยอก
ข.ทั้งสองคนมีความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์สินหาย
ค.ทั้งสองคนมีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์
ง.ทั้งสองคนมีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ
ตอบ ง.ทั้งสองคนมีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ

๔๓. นายฉวยหัวขโมย ขณะกำลังมองหาเหยื่ออยู่ได้เหลือบเห็นนายฉัตรยืนอยู่บนบันได้รถโดยสารประจำทาง ซึ่งกำลังติดไฟแดงอยู่ริมถนน นายฉวยจึงเข้าไปดึงนายฉัตรลงมาจากรถแล้วล้วงเอาธนบัตรฉบับละ ๕๐๐ บาท ที่อยู่ในรกระเป๋าของนายฉัตรแล้ววิ่งหลบหนีไป ให้วินิจฉัยว่านายฉวยมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.วิ่งราวทรัพย์ ข.ชิงทรัพย์
ค.ชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค.ชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ

๔๔. นายหนึ่งและนายสองเป็นเพื่อนรักกันมาก คนทั้งสองไปพบ นางสาวสวย อายุ ๑๙ ปี ในงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อน นายหนึ่งและนายสองไปจีบนางสาวสวยด้วยกัน นางสาวสวยรู้สึกชอบนายหนึ่ง แต่แสดงท่าทีรังเกียจนายสอง นายหนึ่งและนายสองจึงปรึกษากันว่าจะทำให้ได้ร่วมประเวณีกับนางสาวสวยทั้งสองคน นายหนึ่งชวนนางสาวสวยไปคุยในห้องนอนและร่วมประเวณีกับนางสาวสวยด้วยความยินยอมของนางสาวสวย เสร็จแล้วนายหนึ่งออกจากห้องนอนกลับบ้านไปโดยแง้มประตูไว้เพื่อเปิดโอกาสให้นายสอง แต่เมื่อนายสองเข้าไปในห้องนอนจะร่วมประเวณีกับนางสาวสวย
นางสาวสวยขัดขืนไม่ยินยอม นายสองจึงใช้กำลังบังคับ นางสาวสวยสู้แรงนายสองไม่ได้นายสองจึงกระทำชำเรานางสาวสวยสำเร็จ ให้วินิจฉัยว่านายหนึ่งมีความผิดฐานใด
ก. เป็นตัวการร่วมกับนายสองข่มขืนกระทำชำเรา นางสาวสวย
ข. โทรมหญิง
ค. เป็นเป็นผู้สนับสนุนให้นายสองข่มขืนกระทำชำเรา นางสาวสวย
ง. ไม่มีความผิด
ตอบ ค. เป็นเป็นผู้สนับสนุนให้นายสองข่มขืนกระทำชำเรา นางสาวสวย

๔๕. นายหนูเช่าตึกแถวเลขที่ ๒๒๓ เปิดเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนนายเสือไปนอนที่อื่นไม่มีคนอยู่อาศัยในห้องนั้น แต่มีห้องติดกันซึ่งเป็นตึกแถวเดียวกัน มีนายแมวเช่าอาศัยอยู่ ต่อมานายหนูประสบภาวะขาดทุน นายหนูได้ใช้นำมันเบนซินราดร้านขายก๋วยเตี๋ยวของตนแล้วจุดไฟเผาโดยหวังเงินประกัน นายแมวไม่ทราบความประสงค์ของนายแมว จึงเข้าช่วยดับไฟและถูกไฟลวกถึงแก่ความตาย
การกระทำของนายหนู มีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. วางเผลิงเผาโรงเรือนที่มีคนอยู่อาศัย ตาม ป.อ.มาตรา ๒๑๘(๑)
ข. วางเพลิงเผาทรัพย์ เป็นเหตุให้นายแมวถึงแก่ความตาย
ค. ข้อ ก และ ข ถูก
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. ข้อ ก และ ข ถูก

๔๖. นายตะวันโกรธแค้นนายเมฆศัตรูของตน จึงตกลงใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไปฆ่านายเมฆโดยใช้อาวุธปืนยิง ระหว่างที่นายตะวันกำลังตามหาปืนของตนที่ทำหาย นายหมอกศัตรูอีกคนหนึ่งของนายเมฆซึ่งไม่ทราบว่านายตะวันตั้งใจจะฆ่านายเมฆอยู่แล้ว ได้ไปว่าจ้างนายตะวันให้ไปฆ่านายเมฆ นายตะวันตกลงตามที่นายหมอกว่าจ้างเพราะอยากได้เงินค่าจ้างและตนก็ตกลงใจที่จะฆ่านายเมฆอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่านายหมอกจะมาว่าจ้างตนหรือไม่ ทั้งนี้นายหมอกได้ให้นายตะวันยืมปืนไปใช้ฆ่านายเมฆด้วย เมื่อนายตะวันพบนายเมฆจึงแอบเดินตามหลังนายเมฆและชักปืนออกมาจากเอวเพื่อจะยิงนายเมฆโดยที่ยังมิทันยกปืนจ้องยิงไปทางนายเมฆ นายตะวันถูกพลเมืองดีเข้าขัดขวางเสียก่อน จึงไม่สามารถยิงนายเมฆได้ ให้วินิจฉัยว่านายตะวันและนายหมอกผิดฐานใด
ก.ทั้งสองคนยังไม่มีความผิด
ข. นายตะวันผิดฐานพยามยามฆ่านายเมฆโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนายหมอกมีความผิดฐานเป็น
ผู้ใช้ให้นายตะวันฆ่านายเมฆ
ค.นายตะวันยังไม่มีผิด ส่วนนายหมอกมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายตะวันฆ่านายเมฆ
ง.นายตะวันผิดฐานพยามยามฆ่านายเมฆโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนายหมอกมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้
และเป็นผู้สนับสนุน
ตอบ ก.ทั้งสองคนยังไม่มีความผิด

๔๗. สิบตำรวจเอกมานพออกตรวจท้องที่โดยมีนายมานิตย์คนว่างงานขอตามไปด้วย ระหว่างทางพบนายมาโนชแบกเลื่อยยนต์ผ่านมา สิบตำรวจเอกมานพอยากได้จึงแกล้งกล่าวหาว่านายมาโนชกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ซึ่งไม่
เป็นความจริง นายมาโนชไม่ยอม นายมานิตย์จึงบอกนายมาโนชว่าตนเป็นร้อยตำรวจเอกหากไม่ยอมให้ยึดเลื่อยยนต์จะจับกุม นายมาโนชจำยอมให้คนทั้งสองยึดเลื่อยยนต์ที่ตนได้มาโดยชอบไป สิบตำรวจเอกมานพและนายมานิตย์นำเลื่อยยนต์ไปขายเอาเงินมาแบ่งกัน ให้วินิจฉัยว่า สิบตำรวจเอกมานพ เป็นความผิดฐานใดหรือไม่
ก. เป็นเจ้าพนักงานใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจนายมาโนชให้ยอมมอบทรัพย์ให้แก่ตน
ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๘
ข.เจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ตาม
ป.อ.มาตรา ๑๔๗
ค. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก. เป็นเจ้าพนักงานใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจนายมาโนชให้ยอมมอบทรัพย์ให้แก่ตน ตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๘

๔๘. ห้างหุ้นส่วนจำกัดพายุขนส่ง เป็นผู้รับขนส่งน้ำยางพาราให้กับบริษัทร่ำรวยจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัดพายุขนส่งได้ให้นายแสงลูกจ้างของตนขับรถยนต์บรรทุกน้ำยางพาราไปรับน้ำยางพาราเต็มคันรถจากบริษัทร่ำรวยจำกัด เพื่อนำส่งที่ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุดระหว่างทางนายแสงพบนายเดชซึ่งเป็นเพื่อน จึงชวนนายเดชร่วมกันขนเอาน้ำยางพาราดังกล่าวไประหว่างการขนส่งและนำไปจำหน่ายให้บุคคลอื่นแล้วเอาเงินไปแบ่งกัน ให้วินิจฉัยว่านายแสงและนายเดชมีความผิดฐานใด
ก.ร่วมกันลักทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง
ข.นายแสงผิดฐาน ลักทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง ส่วนนายเดชผิดฐานร่วมกัน
ลักทรัพย์
ค.นายแสงผิดฐาน ลักทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง ส่วนนายเดชผิดฐานร่วมกัน
ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ
ง. ร่วมกันยักยอก
ตอบ ข.นายแสงผิดฐาน ลักทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง ส่วนนายเดชผิดฐานร่วมกัน ลักทรัพย์

๔๙. นายแดงเป็นศัตรูกับนายดำ วันหนึ่งเห็นนายดำยืนอยู่ที่ท่าน้ำข้างเรือลำหนึ่งนายแดงหยิบเอาก้อนอิฐขว้างปานายแดง นายแดงหลบทันก้อนอิฐไม่ถูกนายแดง แต่นายแดงเซไปกระแทกข้างเรือศีรษะแตก รักษา ๗ วัน และก้อนอิฐยังพลาดไปถูกนาเหลืองซึ่งยืนอยู่ใกล้กับนายดำเป็นเหตุให้นายเหลืองเสียหลักตกลงไปในน้ำ แต่มีพลเมืองดีช่วยนำนายเหลืองขึ้นจากน้ำ นายเหลืองหมดสติและถึงแก่ความตายเพราะขาดอากาศหายใจเพราะการตกลงไปในน้ำ นั้น ให้วินิจฉัยว่านายแดงมีความผิดฐานใด
ก.พยายามทำร้ายร่างกายนายดำและกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายเหลืองถึงแก่ความตาย
ข. ทำร้ายร่างกายนายดำและฆ่านายเหลืองโดยไม่เจตนา
ค. ทำร้ายร่างกายนายดำและฆ่านายเหลืองโดยเจตนา
ง. พยายามทำร้ายร่างกายนายดำและส่วนต่อนายเหลืองไม่มีความผิดเพราะเป็นอุบัติเหตุ
ตอบ ข. ทำร้ายร่างกายนายดำและฆ่านายเหลืองโดยไม่เจตนา

๕๐. นายปลากับนายเต่าต่างเป็นลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคาร เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๓ นางสาวกุ้งเจ้าหน้าที่การเงินของธนาคาร นำเงินฝากของนายปลาไปเข้าบัญชีเงินฝากของนายเต่าโดยผิดพลาด ทำให้เงินในบัญชีเงินฝากของนายเต่าซึ่งมีเงินอยู่เพียง ๓๐,๐๐๐ บาท เพิ่มขึ้นเป็น ๙๐,๐๐๐ บาท ต่อมาวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๓ นายเต่าตรวจสอบยอดในบัญชีของตน เห็นว่ามียอดคงเหลือกว่าที่เป็นจริงถึง ๖๐,๐๐๐ บาท จึงรีบใช้บัตรเอทีเอ็มของตนถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝาก จำนวน ๖๕,๐๐๐ บาท ให้วินิจฉัยว่านายเต่ามีความผิดฐานใด
ก.ยักยอก ตาม ป.อ.มาตรา ๓๕๒ ข.ยักยอก ตาม ป.อ.มาตรา ๓๕๒ วรรคสอง
ค.ฉ้อโกง ง.ลักทรัพย์
ตอบ ข.ยักยอก ตาม ป.อ.มาตรา ๓๕๒ วรรคสอง

๕๑. นายหนึ่ง นายสอง และนายสาม ร่วมกันเข้าไปในร้านค้าของนายเขียว ขู่ว่าจะทำร้ายนายเขียวเพื่อบังคับเอาเงินจากนายเขียวจำนวน หนึ่งล้านบาท แต่นายเขียวไม่มีเงินสด นายหนึ่งจึงบังคับให้ให้นายเขียวส่งจ่ายเช็คเงินสดให้แทน จากนั้นนายสามจึงรีบนำเงินไปเบิกจากธนาคาร ส่วนนายหนึ่งและนายสองอยู่ที่ร้านของนายเขียวควบคุมตัวนายเขียวมิให้แจ้งอายัดเช็คในระหว่างนั้น เมื่อนายสามได้รับเงินตามเช็คฉบับดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จึงโทรศัพท์แจ้งให้นายหนึ่งและนายสองทราบทางโทรศัพท์มือถือ แล้วนายหนึ่งและนายสองได้รีบหลบหนีจากร้านค้าของนายเขียวไป ให้วินิจฉัยว่านายหนึ่งนายสองและนายสาม มีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ปล้นทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
ข.กรรโชกและหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
ค.พยายามปล้นทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
ง.พยายามกรรโชกและหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
ตอบ ก. ปล้นทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

๕๒. นายมกรา นายกุมภา และนายมีนา กับพวกอีกหลายคนร่วมกันเล่นการพนันที่บ้านของนายมกรา นายกุมภาเป็นฝ่ายเล่นได้ ส่วนนายมกราเป็นฝ่ายเล่นพนันเสียเงินจนหมด นายมกรา ต้องการเล่นการพนันต่อไป จึงเอาสร้อยคอทองทำหนัก ๒ บาท จำนำนายกุมภาไว้เป็นเงิน ๘,๐๐๐ บาท เมื่อเลิกเล่นพนันกันแล้ว พวกที่มาเล่นต่างทยอยกันกลับไป คงเหลือนายมกรา นายกุมภาและนายมีนา ขณะที่นายกุมภาออกจากบ้านไปนายมกราได้พูดขอสร้อยคอทองคำที่ตนจำนำไว้คืน นายกุมภาพูดว่าให้เอาเงินมาไถ่ ทันใดนั้นนายมกราได้กระชากเอาสร้อยคอทองคำที่นายมกราจำนำไว้ซึ่งสวมอยู่ที่คอนายกุมภาจนสร้อยคอทองคำขาดติดมือนายมกราไป ให้วินิจฉัยว่านายมกราจะมีความผิดฐานใด
ก.วิ่งราวทรัพย์ ข.ลักทรัพย์
ค.โกงเจ้าหนี้ ง.ไม่มีความผิด
ตอบ ง.ไม่มีความผิด

๕๓. นายสีกับนางสาร่วมกันออกเงินปลูกบ้านเพื่อใช้อยู่อาศัยกลางทุ่งนาห่างไกลจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้อื่น ต่อมานายสีโกรธนางสา จึงวางเพลิงเผาบ้านหลังดังกล่าว เป็นเหตุให้บ้านหลังดังกล่าวถูกเพลิงไหม้หมดได้รับความเสียหายเป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท
ก.วางเพลิงเผาโรงเรือนที่คนอยู่อาศัย
ข.กระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด ๆ จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น
ค.ทำให้เสียทรัพย์
ง.ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก
ตอบ ค.ทำให้เสียทรัพย์

๕๔. นายหอยออกเช็คผู้ถือสั่งจ่ายเงินจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท ชำระหนี้ให้นายปู ระหว่างเดินทางกลับบ้าน นายปูถูกนายปลาล้วงกระเป๋าใส่เงินไป เมื่อนายปลาเปิดกระเป๋าเงินพบเช็คดังกล่าว นายปลาไม่ทราบว่าจะเอาเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารได้อย่างไร จึงไปเล่าเรื่องบอกวิธีการที่ได้เช็คมาให้นายกุ้งฟัง นายกุ้งบอกว่าตนรู้วิธีเอาเช็คไปเบิกเงินจากธนาคาร นายปลาจึงจ้างนายกุ้งให้ไปเบิกเงิน เมื่อนายกุ้งนำเช็คไปยื่นต่อธนาคารและเซ็นชื่อตนเองที่ด้านหลังเช็คก็ถูกตำรวจจับกุม ดังนี้ นายกุ้งมีความผิดฐานใด
ก.รับของโจร
ข.เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ค. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก
ง.ไม่มีความผิด
ตอบ ค. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก

๕๕. ร้อยตำรวจโทสมศักดิ์จับกุมนางพริ้งได้พร้อมโพยสลากกินรวบจึงตั้งข้อหาเล่นการพนันสลากกินรวบนางพริ้งร้องขอร้อยตำรวจเอกสมชายซึ่งเป็นเจ้านพนักงานตำรวจสถานีตำรวจเดียวกันแต่ไม่ได้ร่วมจับกุมและมิใช่พนักงานสอบสวนในคดีนั้นให้ช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดี ร้อยตำรวจเอกสมชายได้เรียกเงินจากนางพริ้ง จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท นำไปให้ร้อยตำรวจโทสมศักดิ์เพื่อให้ปล่อยตัวนางพริ้ง เมื่อร้อยตำรวจโทสมศักดิ์ได้รับเงิน จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาทแล้วได้ปล่อยตัวนางพริ้งไปโดยไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังนี้ร้อยตำรวจเอกสมชาย มีความผิดฐานใด
ก. ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗
ข.เจ้าพนักงานรับสินบน ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙ และ ไม่กระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิ
ชอบ เพื่อจะช่วยนางพริ้งมิให้ต้องรับโทษ ตาม ป.อ.มาตรา ๒๐๐
ค. สนับสนุนให้ร้อยตำรวจโทสมศักดิ์กระทำผิดฐานรับสินบน และ ปล่อยตัวนางพริ้งโดยมิ
ชอบ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙, ๒๐๐,๘๖
ง. ถูกทั้งข้อ ก และข้อ ข
ตอบ ค. สนับสนุนให้ร้อยตำรวจโทสมศักดิ์กระทำผิดฐานรับสินบน และ ปล่อยตัวนางพริ้งโดยมิชอบ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙, ๒๐๐,๘๖

๕๖. นายร้อยกู้เงินนายพันไป จำนวนสองหมื่นบาทแล้วไม่ชำระ นายพันจึงเดินทางไปทวงหนี้นายร้อย และได้พบนายร้อยระหว่างทาง นายพันจึงทวงหนี้นายร้อยได้ขอดูสัญญากู้ แล้วฉีกสัญญากู้เพื่อจะไม่ต้องชำระเงินแก่นายพัน พอนายร้อยฉีกสัญญากู้ออกเป็นสองชิ้นนายพันได้แย่งสัญญากู้ไว้ได้ก่อนที่นายร้อยจะฉีกอีกต่อไปอีก และเมื่อนำมาต่อกันแล้วสัญญากู้ยังมีข้อความสมบูรณ์ แล้วนายร้อยได้กลับบ้านไปนำเงินจำนวนสองหมื่นบาทมาชำระหนี้นายพันเรียบร้อย ดังนี้ นายร้อยมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ทำให้เสียทรัพย์ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๕๘
ข. ทำลายเอกสารของผู้อื่น ตาม ป.อ.มาตรา ๑๘๘
ค. ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๕๘ เพราะเอกสารยังสามารถนำมา
ต่อกันคืนได้และข้อความยังสมบูรณ์ และไม่ผิดฐานทำลายเอกสารของผู้อื่น ตาม ป.อ.
มาตรา ๑๘๘ เพราะต่อมานายร้อยได้นำเงินมาชำระเงินกู้นายพันจนครบจำนวนแล้วจึง
ไม่เกิดความเสียหาย
ง. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก
ตอบ ง. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก

๕๗. นายแสงเห็นบ้านนางสาวสวยปิด เข้าใจว่าไม่มีคนอยู่ในบ้านเพราะทราบว่าบ้านหลังนี้มีนางสาวสวยอยู่เพียงคนเดียว จึงปีนเข้าไปทางหน้าต่างเพื่อลักทรัพย์ แต่นางสาวสวยยังนอนอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาจึงแอบดูเห็นนายแสงยืนอยู่ที่ประตูห้องนอนจึงร้องขอความช่วยเหลือนายแสงตกใจวิ่งหนีออกจากบ้านพอดี ร้อยตำรวจโทสำราญผ่านมานางสาวสวยได้แจ้งให้จับกุมตัวนายแสงไว้ได้ ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนนายแสงให้การต่อร้อยตำรวจโทสำราญพนักงานสอบสวนว่า นายแสงเป็นคู่รักของนางสาวสวยเคยแอบได้เสียกันมาก่อนที่เข้าไปในบ้านพักของนางสาวสวยในวันเกิดเหตุก็เพื่อร่วมหลับนอนประสาคู่รัก ซึ่งเป็นความเท็จ ให้วินิจฉัยว่า นายแสงมีความผิดฐานใด
ก.บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน,พยายามลักทรัพย์ และหมิ่นประมาท
ข.บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนและพยายามลักทรัพย์ เท่านั้นส่วนหมิ่นประมาทไม่เป็นความผิด
เพราะให้การในฐานะผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้
ค.บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนเท่านั้น ส่วนพยายามลักทรัพย์ยังไม่เป็นความผิดเพราะยังอยู่เพียง
ขั้นตระเตรียมการยังไม่ถึงขั้นลงมือ และไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทเพราะให้การในฐานะ
ผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้
ง. บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และหมิ่นประมาท ส่วนพยายามลักทรัพย์ยังไม่เป็นความผิดเพราะ
ยังอยู่เพียงขั้นตระเตรียมการยังไม่ถึงขั้นลงมือ
ตอบ ก.บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน,พยายามลักทรัพย์ และหมิ่นประมาท

๕๘. นายน้อยไปเที่ยวงานเทศกาลที่ทุ่งศรีเมือง วันนั้นฝนตกจึงตรงเข้าไปพูดขอยืมร่มที่นายมากถืออยู่ นายมากไม่ยอมให้ นายน้อยแย่งร่มจากนายมาก นายากแย่งคืนมาได้ นายน้อยแย่งไปได้อีก แล้วพูดว่า “ถ้าเอ็งมีอาวุธกูแทงเสียแล้ว” ขณะพูดนายน้อยได้ใช้มือล้วงใต้เสื้อตรงขอบกางเกงหน้าท้องของนายน้อย แล้วนายน้อยก็พาร่มหลบหนีไป ดังนี้นายน้อยจะมีความผิดฐานใด
ก. วิ่งราวทรัพย์ ข.ชิงทรัพย์
ค.ลักทรัพย์ ง.ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก. วิ่งราวทรัพย์

๕๙. นายเหลืองได้ทราบว่านายม่วงชอบแอบดูบุตรสาวของนายเหลืองอาบน้ำ จึงประสงค์จะใช้มีดปลายแหลมแทง
นัยน์ตาของนายม่วงให้บอด เมื่อนายเหลืองเดินเข้าไปใกล้นายหานายม่วงห่างประมาณครึ่งเมตรได้ใช้มีดดังกล่าวแทงไปที่ตาของนายม่วงแต่ไม่ถูก ปลายมีดเฉี่ยวโหนกแก้มของนายม่วงเป็นผลให้ผิวหนังบริเวณโหนกแก้มนายม่วงถลอกเล็กน้อย ดังนี้นายเหลืองจะมีความผิดอาญาฐานใดหรือไม่
ก. พยายามทำร้ายนายม่วงให้ได้รับอันตรายสาหัส
ข. พยายามทำร้ายร่างกายนายม่วงให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ค. พยายามทำร้ายร่างกายนายม่วงให้ได้รับอันตรายสาหัสแต่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้
ง. ทำร้ายร่างกายนายม่วงจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ตอบ ข. พยายามทำร้ายร่างกายนายม่วงให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

๖๐. นายเฉลิม เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๓ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น.เศษ หลังจากนักเรียนคนอื่นกลับบ้านหมดแล้ว ได้ร่วมประเวณีกับ ด.ญ.อ้อน อายุ ๑๔ ปี เศษซึ่งเป็นหนึ่งในนักเรียนที่มาเรียนพิเศษกับนายเฉลิม จนสำเร็จความใคร่หนึ่งครั้ง การกระทำของนายเฉลิมเป็นความผิดฐานใดหรือไม่
ก. กระทำชำเราผู้อื่น ตาม ป.อ.มาตรา ๒๗๗
ข. กระทำชำเราผู้อื่น ตาม ป.อ.มาตรา ๒๗๗ และต้องรับโทษหนักขึ้นเนื่องจากเป็นการกระทำต่อ
ศิษย์ที่อยู่ในความดูแล ตาม ป.อ.มาตรา ๒๘๕
ค. ไม่มีความผิดเพราะ ด.ญ.อ้อน ยินยอม
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก. กระทำชำเราผู้อื่น ตาม ป.อ.มาตรา ๒๗๗



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น