วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แนวสอบตำรวจกฎหมายอาญา 65ข้อ ชุด1

                                               

แนวข้อสอบประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑ บทบัญญัติทั่วไป


 .นายขาว กับ น.ส.เขียวฯได้สมรสกัน ระหว่างที่อยู่กินด้วยกันได้สร้างบ้าน ๑ หลังเป็นที่อยู่อาศัยทั้งซื้อทรัพย์สินต่างๆที่มีไว้ใช้ในครัวเรือนเช่นเดียวกับครอบครัวอื่นๆทั่วไป อยู่มาวันหนึ่งทั้งสองมีปากเสียงกันตามประสาผัวเมีย นายขาวโกรธมากได้จุดไฟเผาบ้านไหม้เสียหายพร้อมทรัพย์สินต่างๆภายในบ้านทั้งหมด นายขาวผิดอาญาฐานใดหรือไม่
ก.ผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์
ข.ผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย
ค.ไม่ผิดฐานวางเพลิง
ง.ไม่ผิดฐานวางเพลิง แต่ผิดฐานทาให้เสียทรัพย์
(คาตอบข้อ ง. ฎีกา ๕๑๖/๒๕๑๘,๗๔๗/๒๔๘๔,๓๖๔๓/๒๕๒๖ และ ๕๓๖๔/๒๕๓๖ หลัก ม.๒ วรรคหนึ่ง กฎหมายอาญาต้อง แปลหรือตีความโดยเคร่งครัด)

๒.นายดา เป็นช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือได้ลักลอบปรับจูนและใช้เครื่องดีโค๊ดคลื่นสัญญาณโทรศัพท์หมายเลข ๙๕๗๓๓๓๖ ซึ่งเป็นคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ระบบเซลูลา ๙๐๐ ของบริษัทผู้เสียหายไปเข้าเครื่องโทรศัพท์มือถือสามารถใช้รับส่งได้ ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ให้ดาเนินคดีกับนายดาฐานลักทรัพย์ เช่นนี้นายดากระทาผิดอาญาฐานลักทรัพย์หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ เพราะเป็นเพียงการแย่งใช้คลื่นสัญญาณโดยไม่มีสิทธิ์ ไม่ใช้การเอาทรัพย์สินของผู้อื่น
ไปโดยทุจริต
ข.ผิดฐานลักทรัพย์ เพราะคลื่นสัญญาณโทรศัพท์มีราคาถือเอาได้
ค.ผิดฐานลักทรัพย์ เพราะคลื่นสัญญาณโทรศัพท์เป็นทรัพย์สินอันมีราคาถือเอาได้
ง.ผิดฐานลักทรัพย์ เพราะคลื่นสัญญาณโทรศัพท์เป็นทรัพย์หรือทรัพย์สินอันมีราคาถือเอาได้ จึงเป็นการเอา....
ไปโดยทุจริต
(คาตอบข้อ ก. ฎีกา ๕๓๕๔/๒๕๓๙ หลัก ม.๒ วรรคหนึ่ง กฎหมายอาญาต้องแปลหรือตีความโดยเคร่งครัด)

๓.นายสมานเป็นข้าราชการสถานทูตไทยซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองดาการ์ ประเทศเซเนกัน เขียนจดหมายถึงเพื่อนในประเทศไทยว่านางสมรข้าราชการอีกคนหนึ่งของสถานทูตเป็นชู้กับคนขับรถของสถานทูต ดังนี้นายสมานจะต้องถูกลงโทษฐานหมิ่นประมาทในราชอาณาจักรเพียงใดหรือไม่
ก.ไม่อาจลงโทษในราชอาณาจักรได้ เนื่องจากเป็นการกระทาผิดนอกราชอาณาจักร
ข.ไม่อาจลงโทษในราชอาณาจักรได้ เนื่องจากเป็นการกระทาผิดนอกราชอาณาจักรและความผิดฐานหมิ่น
ประมาท ป.อาญา มาตรา ๘,๙ ไม่ได้บัญญัติไว้
ค.ลงโทษในราชอาณาจักรได้ เนื่องจากเป็นการกระทาผิดในสถานทูตไทยถือว่าเป็นการกระทาผิดใน
ราชอาณาจักร
ง.ลงโทษในราชอาณาจักรได้ เนื่องจากผลในการกระทาเกิดในราชอาณาจักร ถือว่าได้กระทาความผิดใน
ราชอาณาจักร
(คำตอบข้อ ง.ข้อสอบเนติบัณฑิต สมัยที่ ๔๓ หลัก ม.๕ วรรคหนึ่ง)

๔.นายลี้กับนายเล่งเป็นคนจีนอยู่ที่ฮ่องกง นายลี้จ้างนายเล่งให้มาฆ่านายฮ่อคนจีนในประเทศไทย นายเล่งตกลงรับจ้างและเดินทางมาประเทศไทยเพื่อฆ่านายฮ่อ แต่เมื่อเดินทางมาแล้วจาได้ว่าเป็นเพื่อนกันกับนายฮ่อ จึงไม่ฆ่าและบอกเรื่องให้ทราบ ดันนี้ลงโทษนายลี้ในราชอาณาจักรได้หรือไม่เพียงใด
ก.ไม่อาจลงโทษในราชอาณาจักรได้ เพราะนายเล่งยังไม่ได้ลงมือฆ่านายฮ่อ การกระทาของนายลี้ยังไม่เป็น
ความผิด
ข.ไม่อาจลงโทษในราชอาณาจักรได้ เพราะไม่ได้กระทาผิดในราชอาณาจักรหรือถือว่ากระทาผิดใน
ราชอาณาจักร
ค.ลงโทษในราชอาณาจักรได้ เพราะเป็นความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้นายเล่งกระทาความผิดฐานฆ่านายฮ่อ
ง.ลงโทษในราชการอาจักรได้ เพราะนายลี้ประสงค์ให้นายเล่งกระทาความผิดฆ่านายฮ่อในราชอาณาจักร
(คาตอบ ข้อ ข. ข้อสอบเนติบัณฑิต สมัยที่ ๔๔ หลัก ม.๖)

๕.นายดากับพวกร่วมกันดูมวยจากเครื่องรับโทรทัศน์สีแล้วมีการพนันขันต่อเอาเงินกันได้ถูกเจ้าพนักงานตารวจจับกุมตาม พ.ร.บ. การพนันฯ โดยยึดเครื่องรับโทรทัศน์สีเป็นของกลาง นายดากับพวกรับสารภาพตามฟ้อง เช่นนี้ศาลจะริบโทรทัศน์สีของกลางหรือไม่เพราะเหตุใด
ก.ไม่ริบ เพราะไม่ใช่เครื่องมือซึ่งใช้ในการเล่นการพนันมวย
ข.ไม่ริบ เพราะไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทาความผิด
ค.ริบ เพราะเป็นเครื่องมือซึ่งใช้ในการเล่นการพนันมวย
ง.ริบ เพราะมีไว้เพื่อใช้ในการเล่นการพนันมวย
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๗๘๘/๒๕๔๒ ไม่ใช่ทรัพย์สินอันควรยึดตาม ม.๓๓)

๖.ปืนมีทะเบียนใช้กระแทกหรือตีผู้เสียหาย ศาลริบได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.ไม่ได้ เพราะเป็นปืนมีทะเบียนมีไว้ไม่เป็นความผิด
ข.ไม่ได้ เพราะไม่ได้ใช้ยิงอย่างปืน
ค.ริบได้ เพราะเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทาความผิด
ง.ริบได้ เพราะเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทาความผิด
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๑๐๗/๒๕๔๑ ปืนมีทะเบียนที่ใช้การกระทาความผิดไม่จาเป็นต้องใช้ อย่างปืน ริบตาม ม.๓๓ ได้)

๗.แพทย์มีความจาเป็นต้องทาการรักษาผู้ป่วยด้วยการตัดขา ได้ให้ผู้ป่วยลงชื่อในหนังสือยินยอมให้ทาการรักษา เช่นนี้แพทย์ กระทาผิดฐานทาร้ายผู้ป่วยหรือไม่และต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.แพทย์กระทาผิดฐานทาร้ายผู้ป่วยและต้องรับผิดทางอาญา เพราะการกระทาของแพทย์ครบองค์ประกอบ
ความผิดที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิดและกาหนดโทษไว้
ข.แพทย์กระทาผิดฐานทาร้ายผู้ป่วยและต้องรับผิดทางอาญา เพราะไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษร ยกเว้น
ความผิด
~ ๓ ~
ค.แพทย์กระทาผิดฐานทาร้ายผู้ป่วยแต่ไม่ต้องรับผิดทางอาญา เพราะเป็นการกระทาไปเพื่อป้องกัน รักษาชีวิต
ของผู้ป่วย
ง.แพทย์กระทาผิดฐานทาร้ายผู้ป่วยแต่ไม่ต้องรับผิดทางอาญา เพราะความยินยอมของผู้ป่วย ยกเว้นความผิดได้
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๐๓/๒๕๐๘ ความยินยอมไม่ขัดต่อสานึกหรือศีลธรรมอันดี ยกเว้นความผิดได้)

๘.นายเขียวปลูกห้องแถวให้คนเช่า นายขาวได้มาเช่าห้องหนึ่งเพื่ออยู่อาศัย ต่อมานายขาวไม่ยอมชาระค่าเช่า นายเขียวต้องการห้องเช่าคืนเพื่อนาไปให้ผู้อื่นเช่า ได้ถือโอกาสที่นายขาวออกจากห้องเช่าไป เอาไม้กระดานไปตอกตะปูปิดประตูห้องเช่าไว้และนากุญแจไปคล้องประตูไว้ นายขาวกลับมาเข้าห้องเช่าไม่ได้ จึงได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ การกระทาของเขียวเป็นความผิดหรือไม่ ฐานใด เพราะเหตุใด
ก.ไม่ผิด เพราะเป็นเจ้าของห้องเช่ามีอานาจทาได้
ข.ไม่ผิด เพราะไม่มีเจตนากระทาต่อนายขาว เพียงแต่ทาไปเพื่อจะเอาห้องเช่าคืน
ค.ผิด ฐานบุกรุก เพราะเข้ายึดถือการครอบครองห้องเช่าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากนายขาว
ง.ผิด ฐานบุกรุก เพราะเป็นการรบกวนการครอบครองห้องเช่าของนายขาว
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑/๒๕๑๒)

๙.ตามข้อเท็จจริงในข้อ ๘ หากในสัญญาเช่ามีข้อตกลงไว้ว่า หากนายขาวผิดนัดไม่ชาระค่าเช่านายขาวยอมให้นายเขียวใส่กุญแจห้องเช่าเพื่อไม่ให้นายขาวเข้าห้องเช่าได้ เมื่อนายเขียวได้กระทาการดังกล่าวผิดหรือไม่ ฐานใดเพราะเหตุใด
ก.ไม่ผิดฐานใด เพราะมีอานาจกระทาได้ตามสัญญาเช่า
ข.ไม่ผิดฐานใด เพราะนายขาวยินยอมให้ทาได้
ค.ผิดฐานบุกรุก เพราะขณะกระทาการดังกล่าวนายขาวไม่ได้ให้ความยินยอม
ง.ผิดฐานบุกรุก เพราะเป็นการล่วงล้าเข้าไปในอานาจการครอบครองของนายขาว
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๖๐๙/๒๕๒๒)

๑๐.นายกบลักใบยาสูบของผู้เสียหาย โดยให้นายเขียด,นายอึ่งอ่างขนไปโดยผู้ที่ขนไม่รู้ว่าเป็นของผู้เสียหาย นายกบ,นายเขียด,นายอึ่งอ่าง ต้องรับผิดลักทรัพย์ผู้เสียหายหรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.นายกบ ต้องรับผิดเพราะเป็นผู้ใช้ ส่วนนายเขียดกับนายอึ่งอ่างไม่ผิดเพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง
ข.นายกบ ต้องรับผิดเพราะเป็นตัวการ ส่วนนายเขียดกับนายอึ่งอ่างต้องรับผิดเพราะเป็นตัวการร่วม
ค.นายกบ ต้องรับผิดเพราะเป็นผู้ลักทรัพย์ ส่วนนายเขียดกับนายอึ่งอ่างไม่ผิดเพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง
ง.นายกบ ต้องรับผิดเพราะเป็นผู้ใช้ ส่วนนายเขียดกับนายอึ่งอ่างต้องรับผิดเพราะเป็นตัวการร่วม
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๙๖๑/๒๕๒๒ กระทาผิดโดยทางอ้อม)

๑๑.เด็กวิ่งสวนมาในเวลามืด จ.เข้าใจว่าเด็กเป็นสุนัข ซึ่งมีอยู่หลายตัวในขณะนั้นเข้าใจว่าสุนัขจะวิ่งเข้ามากัด ได้ใช้มีดแทงถูกหัวเข่าเด็ก เด็กตาย จ.ผิดฐานใด
ก.ทาร้าย ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๕
ข.ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๐
ค.ฆ่าผู้อื่นโดยพลาด ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบ มาตรา ๖๐
ง.กระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๑
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๕๐๔/๒๔๘๓ ไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิดตามมาตรา ๒๙๕ จึงไม่ผิดตาม มาตรา ๒๙๐ แต่เป็นเรื่องประมาทตามมาตรา ๕๙ วรรคสี่ต้องรับผิดตามมาตรา ๒๙๑)

๑๒.ดากับแดงร่วมกันไปทาร้ายร่างกายขาว แดงจะเป็นคนทาร้าย ดาเป็นคนดูต้นทาง แดงใช้มีดตัดกระดาษกรีดใบหน้าขาว ทาให้ขาวเป็นแผลเสียโฉมติดตัว ดาผิดฐานใด
ก.ผิดทาร้ายสาหัส ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๗,๘๓
ข.ผิดทาร้ายบาดเจ็บ ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๕,๘๓
ค.ไม่ผิดฐานใด เป็นเพียงคนดูต้นทางไม่ได้ร่วมทาร้ายขาว
ง.ไม่ผิดพาอาวุธ ตาม ป.อาญา มาตรา ๓๗๑,๘๓
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๑๓/๒๕๒๙ ประสงค์ต่อผล)

๑๓.นายใหญ่ถอดกางเกงเดินเข้าไปเพื่อข่มขืนกระทาชาเรา น.ส.น้อย ในขณะที่ น.ส.น้อยไม่ได้สวมกางเกงและยืนพิงลูกกรงอาคารซึ่งสูงระดับสะโพกโดย น.ส.น้อย มิได้ยินยอมดิ้นรนขัดขืนไม่ให้นายใหญ่ข่มขืนกระทาชาเรา ทาให้ น.ส.น้อยพลัดตกจากระเบียงอาคารได้รับบาดเจ็บและตายในเวลาต่อมา นายใหญ่ผิดฐานใด
ก.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ข.ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
ค.พยายามฆ่า
ง.พยายามข่มขืนกระทาชาเรา
(คาตอบข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๔๕๖๓/๒๕๔๓ เล็งเห็นผลและผลโดยตรง)

๑๔.ดาขับรถยนต์บรรทุกดินลูกรัง สูงเกินกาหนด พอถึงจุดตรวจซึ่งมีแผงเหล็กเครื่องหมายหยุดตั้งอยู่กลางถนน ตารวจได้เป่านกหวีดให้สัญญาให้หยุด ดากลัวถูกจับจึงไม่หยุด กลับเร่งเครื่องยนต์หลีกเครื่องหมายจราจร พุ่งเข้าใส่ตารวจที่ยืนอยู่ ตารวจกระโดดหลบทัน ดาผิดฐานใด
ก.พยายามทาร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทาการตามหน้าที่
ข.พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทาการตามหน้าที่
ค.ผิดตาม พ.ร.บ.จราจรเท่านั้น
ง.ไม่ผิดฐานใดใน ป.อาญา เป็นเพียงการหลบหนีการจับกุมในเรื่อง พ.ร.บ.จราจร
(คาตอบ ข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๗๐/๒๕๒๖ ประสงค์ต่อผลอันหนึ่งและเล็งเห็นผลอีกอันหนึ่ง)

๑๕.เขียวผลักแดงตกจากช่องเพดาลโบสถ์ซึ่งสูงจากพื้นโบสถ์ ๑๐ เมตร พื้นโบสถ์เป็นซีเมนต์เรียบ แดงได้รับบาดเจ็บ เขียวผิดฐานใด
ก.ทาร้าย
ข.พยายามฆ่า
ค.ประมาทบาดเจ็บ
~ ๕ ~
ง.ผิดต่อเสรีภาพ
(คาตอบข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๒๐/๒๕๒๘ เล็งเห็นผล)

๑๖. จ.มีอาชีพทานา ปลูกข้าวในหนองน้าสาธารณะเพื่อใช้เลี้ยงชีพ ล.นาเรือเข้าไปตัดใบบัวซึ่งปนอยู่กับ ต้นข้าว ทาให้ต้นข้าวเสียหาย ล.ผิดฐานใด
ก.ทาให้เสียทรัพย์
ข.ทาให้เสียทรัพย์ต่อพืชหรือพืชผลของกสิกร
ค.ทาให้เสียทรัพย์ต่อพืชหรือพืชผลของกสิกรโดยประมาท
ง.ไม่ผิดฐานใด เนื่องจาก จ.อ้างสิทธิครอบครองในหนองน้าไม่ได้และ ล.มีสิทธิใช้หนองน้านั้นได้เช่นเดียวกัน
กับ จ.
(คาตอบข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๕๕/๒๕๒๐ เล็งเห็นผล)

๑๗. ฉ.ใช้ของเหลวไวไฟเทราด ต.ตั้งแต่ศรีษะลงมาถึงพื้นห้องซึ่งอยู่บนชั้นสองของตึกแถวที่พักอาศัย ของเหลวไวไฟกระเด็นไปถูกตัว จ.ซึ่งอยู่ใกล้ๆด้วย แล้ว ฉ.ใช้ไฟแช็คจุดไฟที่ต้นคอ ต.ทาให้ไฟไหม้ตามตัว ต.ถึงแก่ความตาย ไฟลามไปไหม้ จ.ได้รับบาดเจ็บ และไฟยังลุกไหม้พื้นห้องด้วย การกระทาของ ฉ.ผิดฐานใดบ้าง
ก.ผิดฐานฆ่า ต. และ ทาร้าย จ. และ พยายามวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย
ข.ผิดฐานฆ่า ต.และ ทาร้าย จ. และ วางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย
ค.ผิดฐานฆ่า ต. และ พยายามฆ่า จ. และ พยายามวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย
ง.ผิดฐานฆ่า ต. และ พยายามฆ่า จ. และ วางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย
(คาตอบข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๗๓๘/๒๕๓๗ ประสงค์ต่อผล,กระทาโดยพลาด และ เล็งเห็นผล)

๑๘.ดายิงปืนลูกซองไปที่ขวดสุราที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ขณะนั้นแดงก็อยู่บนโต๊ะใกล้กับขวดสุรา กระสุนปืนถูกแดงได้รับบาดเจ็บด้วย ดาต้องรับผิดต่อแดงฐานใด
ก.ทาร้ายแดงโดยพลาด
ข.ทาร้ายแดงโดยเล็งเห็นผล
ค.พยายามฆ่าแดงโดยพลาด
ง.พยายามฆ่าแดงโดยเล็งเห็นผล
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๖๒/๒๕๔๑ เจตนาประเภทเล็งเห็นผล)

๑๙.เขียวพา ด.ญ.น้าเข้าไปในโรงแรมเพื่อร่วมประเวณี แต่ยังไม่ทันได้ร่วมประเวณี เขียวผิดฐานใด
ก.พรากเด็กเพื่อการอนาจาร ตาม ป.อาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคท้าย
ข.พยายามพรากเด็กเพื่อการอนาจาร ตาม ป.อาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคท้าย ประกอบมาตรา ๘๐
ค.โดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ตาม ป.อาญา
มาตรา ๓๑๗ วรรคแรก
ง.พรากเด็ก และ พยายามพรากเด็กเพื่อการอนาจาร ป.อาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคแรก และ ป.อาญา
มาตรา ๓๑๗ วรรคท้าย ประกอบมาตรา ๘๐
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๖๓๒/๒๕๔๐ กระทาการโดยมีเจตนาพิเศษตามกฎหมายบัญญัติแม้ยังไม่บรรลุผล เป็นความผิดสาเร็จ)

๒๐.ดาทาการปลอมเอกสารเพื่อให้แดงหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง แต่ขณะที่ทาการปลอมเสร็จนั้นแดงยังไม่กลับจากต่างประเทศ ดารอว่าเมื่อแดงกลับจากต่างประเทศก็จะได้นาไปแสดงต่อแดงทันที การกระทาของดาเป็นความผิดหรือไม่ ฐานใด
ก.ผิด ฐาน พยายามทาเอกสารปลอม
ข.ผิด ฐาน ทาเอกสารปลอม
ค.ยังไม่ผิด ฐาน ทาเอกสารปลอม
ง.ยังไม่ผิดฐานใด
(คาตอบ ข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๗๖๙/๒๕๔๐ กระทาการโดยมีเจตนาพิเศษตามกฎหมายบัญญัติ แม้ยังไม่บรรลุผล
เป็นความผิดสาเร็จ)

๒๑.ตารวจมีหมายค้นและหมายจับไปจับกุมดาที่บ้านที่อยู่ในที่เปลี่ยวในเวลาวิกาลโดยปีนบ้านและรื้อฝาบ้าน ส่องไฟฉายเข้าไปในบ้าน ตะโกนบอกว่าเป็นตารวจ ดาเข้าใจว่าเป็นโจรเข้าปล้นเนื่องจากเคยถูกปล้นโดยคนร้ายปลอมเป็นตารวจมาก่อน จึงใช้ปืนยิงตารวจบาดเจ็บ ดามีความผิดหรือไม่ ฐานใด
ก.มีความผิด ฐาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทาการตามหน้าที่
ข.มีความผิด ฐาน ทาร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทาการตามหน้าที่
ค.มีความผิด ฐาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทาการตามหน้าที่โดยประมาท
ง.ไม่มีความผิด เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
(คาตอบ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๕/๒๕๑๒ ป้องกันโดยสาคัญผิด)

๒๒.ดาเอาเสารั้วปักไว้ในที่ดินของดา แดงเข้าใจว่าเสารั้วของดาปักไว้ในที่ดินของแดง แดงจึงถอนออก การถอนออกนั้นทาให้เสารั้วของดาเสียหาย แดงต้องรับผิดต่อดาในฐานทาให้เสียทรัพย์หรือไม่
ก.รับผิดฐานทาให้เสียทรัพย์
ข.รับผิดฐานทาให้เสียทรัพย์โดยประมาท
ค.ไม่ต้องรับผิด เป็นการกระทาโดยเจตนาใช้สิทธิตามกฎหมายแพ่ง
ง.ไม่ต้องรับผิด ไม่มีเจตนาทาให้เสารั้วเสียหาย
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๘๙/๒๕๑๙ ป้องกันโดยเจตนาใช้สิทธิตาม ป.แพ่งฯมาตรา ๑๓๓๖,๑๓๓๗
โดยสาคัญผิด)

๒๓.ด.ญ.อวบ อายุ ๑๓ ปี หนีออกจากบ้านไปดูภาพยนตร์พบกับ นายอ้วน ที่หน้าโรงภาพยนตร์ นายอ้วนพา ด.ญ.อวบ ไปพักที่บังกะโล วันรุ่งขึ้นพาไปพักที่บ้านคนรู้จักโดย ด.ญ.อวบ เต็มใจไปด้วย ขณะที่พักอยู่บังกะโลและบ้านคนรู้จักนายอ้วนซึ่งเข้าใจว่า ด.ญ.อวบ อายุ ๑๗ ถึง ๑๘ ปี ได้ร่วมประเวณีกับ ด.ญ.อวบ โดย ด.ญ.อวบ สมัครใจ นายอ้วน ผิดฐานใดบ้างในฐานความผิดต่อไปนี้ กระทาชาเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้า ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๗๗ , โดยปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร ตาม ป.อาญา มาตรา ๓๑๗ , พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกิดสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ๓๑๙
ก.ผิดตาม มาตรา ๒๗๗
ข.ผิดตาม มาตรา ๓๑๗
ค.ผิดตาม มาตรา ๒๗๗ และ ๓๑๗ โดยประมาท
ง.ผิดตาม มาตรา ๓๑๙
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๔๑๙/๒๕๓๗ ไม่ผิด ๒๗๗ เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงตาม ๕๙ วรรคสาม ไม่ผิด ๓๑๗ เพราะขาดเจตนา ผิด ๓๑๙ เพราะเป็นเรื่องสาคัญผิดในข้อเท็จจริง ตาม ๖๒ และ ๒๗๗,๓๑๗ กฎหมายไม่ได้บัญญัติประมาทไว้เป็นความผิด)

๒๔.ยิงยางรถยนต์แต่พลาด กระสุนถูกรถยนต์ทะลุไปถูกคนในรถเป็นอันตรายสาหัส คนยิงผิดฐานใด
ก.พยายามฆ่า
ข.พยายามฆ่าโดยพลาด
ค.ทาให้เกิดอันตรายสาหัสโดยประมาท
ง.ทาให้เกิดอันตรายสาหัสโดยพลาด
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๘๖/๒๕๒๑ พลาดต้องเป็นเจตนาทรัพย์ต่อทรัพย์หรือชีวิตร่างกายต่อชีวิตร่างกาย หากเป็นทรัพย์ต่อชีวิตร่างกายเป็นพลาดไม่ได้)

๒๕.เขียวใช้ด้ามปืนตีศรีษะ ว.ศรีษะแตกเลือดไหลกระสุนปืนลั่นไปถูก ด.ตาย และ ถูก ส.บาดเจ็บ เขียวต้องรับผิดต่อใครฐานใดบ้าง
ก. ว.ฐาน ทาร้ายบาดเจ็บ ๒๙๕,๕๙ ด.ฐานประมาทตาย ๒๙๑ ส.ฐานทาร้ายโดยประมาทบาดเจ็บ
๓๙๐
ข. ว.ฐาน ทาร้ายบาดเจ็บ ๒๙๕,๕๙ ด.ฐานฆ่าโดยไม่เจตนาโดยพลาด ๒๙๐,๖๐ ส.ฐานทาร้าย
บาดเจ็บโดยพลาด ๒๙๕,๖๐
ค. ว.ฐาน ทาร้ายบาดเจ็บ ๒๙๕,๕๙ ด.ฐานประมาทตายโดยพลาด ๒๙๑,๖๐ ส.ทาร้ายบาดเจ็บโดย
พลาด ๒๙๕,๖๐
ง. ว.ฐาน ทาร้ายบาดเจ็บ ๒๙๕,๕๙ ด.ฐานฆ่าโดยพลาด ๒๘๘,๖๐ ส.ฐานทาร้ายบาทเจ็บโดยพลาด ๒๙๕,๖๐
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๙๑๗/๒๕๓๐ พลาดเป็นเรื่องของเจตนาโอน ต้องใช้ปืนยิงโดยมีเจตนาฆ่าหรือทาร้ายถึงจะเป็นพลาด)

๒๖.ดาชักปืนสั้นออกมาง้างนกขึ้นจ้องเล็งจะยิง ส. มีคนเข้าปัดปืนเพื่อช่วย ส.ทาให้ปืนให้เฉไป กระสุนปืนลั่นไปถูก จ. ดากระทาโดยพลาดต่อ จ.หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.เป็นพลาด เพราะดาลงมือฆ่า ส.แล้ว
ข.เป็นพลาด เพราะดาลงมือฆ่า ส. และ ผลเกิดกับ จ.แล้ว
ค.ไม่เป็นพลาด เพราะเกิดจากบุคคลอื่นเข้าปัดปืน
ง.ไม่เป็นพลาด เพราะดายังไม่ลงมือฆ่า ส.
(คาตอบ ข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๕๑/๒๕๑๓ พลาดอาจเกิดขึ้นเพราะบุคคลที่สามทาให้พลาดได้)

๒๗.ตามข้อเท็จจริงในข้อ ๒๖ คนที่เข้าปัดปืนจะต้องรับผิดต่อผลที่เกิดกับ จ.หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.ไม่ เพราะเป็นการป้องกัน
ข.ไม่ เพราะไม่มีเจตนาให้เกิดผลกับ จ.
ค.ต้องรับผิด เพราะเป็นการกระทาโดยพลาด
ง.ต้องรับผิด เพราะเป็นการกระทาโดยประมาท
(คาตอบ ข้อ ข. เทียบเคียงคาพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๔/๒๔๙๔ และ ๑๙๖๑/๒๕๒๘ และ ที่ไม่เป็นป้องกันเพราะ จ.ไม่ได้ทาผิดอะไรต่อคนปัดปืน ไม่เป็นพลาดเพราะไม่มีเจตนาฆ่าหรือทาร้ายบุคคลใด ไม่ประมาทเพราะภาวะวิสัยและพฤติการณ์)

๒๘.แดงเดินไปที่หัวเรือเพื่อจะขึ้นท่าเรือ ถูกดาคู่อริซึ่งยืนอยู่ที่ท่าเรือนั้นชกถูกใบหน้าหนึ่งที่ จากนั้นทั้งสองตกลงไปในน้าและต่างชกกันในน้าต่อประมาณ ๕ นาทีจึงได้เลิกกัน แดงถูกกระแสน้าพักไปติดหลักไม้ไผ่ใกล้ที่เกิดเหตุ มีคนช่วยดาและแดงขึ้นมาจากน้า แดงหมดสติและตายในเวลาต่อมาเพราะขาดอากาศหายใจ ดาต้องรับผิดต่อการกระทาฐานใด เพราะเหตุใด
ก.ไม่ต้องรับผิด เพราะต่างสมัครใจวิวาทชกกัน
ข.ไม่ต้องรับผิด เพราะความตายของแดงไม่ได้เกิดจากการกระทาของแดง
ค.ฆ่าแดงโดยไม่เจตนา เพราะความตายของแดงเป็นผลจากการกระทาของดา
ง.ผิดที่ทาร้ายแดงเท่านั้น เพราะความตายของแดงไม่ได้เกิดจากการกระทาของดา
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๑๗/๒๕๓๙ หลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล)

๒๙.แดงเอาก้อนอิฐขว้างปาดา ดาหลบทัน ก้อนอิฐไม่ถูกตัวดาแต่ดาเซไป ศรีษะถูกเสาเรือนได้รับอันตรายแก่กาย แดงผิดฐานทาร้ายดาหรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.ผิดฐานทาร้ายดา เพราะอันตรายแก่กายของดาเกิดจากการกระทาของแดง
ข.ผิดฐานพยายามทาร้ายดา เพราะก้อนอิฐที่แดงขว้างไม่ถูกดา
ค.ผิดฐานทาร้ายดาโดยประมาท เพราะก่อนเอาก้อนอิฐขวางปาดา แดงไม่ดูให้ดีว่ามีเสาเรือนอยู่ใกล้ดา
ง.ผิดฐานพยายามทาร้ายดาโดยประมาท เพราะแดงลงมือทาร้ายดาแล้วเพียงแต่ก้อนอิฐไม่ถูกดา
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๘๙๕/๒๕๐๙ หลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล )

๓๐.ดายิงปืนไปยังผู้ตายโดยไม่ได้ร่วมกับคนอื่นยิงดา ปรากฏว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนหลายชนิด แต่ไม่มีพยานหลักฐานแสดงว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนของดา ดาต้องรับผิดในผลแห่งความตายของผู้ตายเพียงใด
ก.พยายามฆ่าผู้ตาย
ข.ฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
ค.ฆ่าผู้ตายโดยประมาท
ง.ฆ่าผู้ตายโดยไม่เจตนา
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๖๗๙/๒๕๑๕ หลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล)

๓๑.แดงโกรธดาจึงทาร้ายดา ดาถูกทาร้ายที่ใบหน้าตาบวม อีกสิบวันต่อมาตาที่บวมนั้นบอด แดงต้องรับผิดฐานทาร้าย ๒๙๕ หรือ ๒๙๗ เพราะเหตุใด
ก.ทาร้าย ๒๙๕ เพราะไม่ประสงค์ให้ดาตาบอด
ข.ทาร้าย ๒๙๕ เพราะไม่เล็งเห็นผลว่าดาจะตาบอด
ค.ทาร้าย ๒๙๗ โดยประมาท เพราะวิญญูชนคาดเห็นผลได้ว่าตาบอดได้
ง.ทาร้าย ๒๙๗ เพราะเป็นผลธรรมดาที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าตาบอดได้
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๑๖/๒๕๐๒ หลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล)

๓๒.รถยนต์ที่ดาขับ เป็นรถประเภทสาธารณะ รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารและของ ดาบรรทุกคนโดยสารเกินจานวนซึ่งนายทะเบียนกาหนดถึงกับเกาะข้างรถและท้ายรถและขึ้นไปอยู่บนหลังคารถ เพราะคนในรถเบียดเสียดกันแน่น กับยังมีน้าแข็งก้อนใหญ่บรรทุกไปด้วย ๑๐ กว่าก้อน ดาขับรถดังกล่าวไปโดยปลอดภัยเป็นระยะถึง ๓๐ กิโลเมตร แต่เนื่องจากดาขับรถเร็วเกินอันตราที่กฎหมายกาหนดไว้มาก เป็นเหตุให้รถคว่าคนตาย ดังนี้ระหว่าง ใช้ยานพาหนะรับจ้างขนส่งคนโดยสารเมื่อยานพาหนะมีการบรรทุกจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลในยานพาหนะนั้น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๓๘ วรรคแรก กับ กระทาโดยประมาทและการกระทานั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๑
ก.ผิดมาตรา ๒๓๘ เพราะการที่คนตายเป็นผลโดยตรงจากการบรรทุกเกิน
ข.ผิดมาตรา ๒๓๘ เพราะการที่มีคนตายเป็นผลธรรมดาจากการบรรทุกเกิน
ค.ผิดมาตรา ๒๙๑ เพราะการที่มีคนตายเป็นผลโดยตรงจากการขับรถเร็ว
ง.ผิดทั้งมาตรา ๒๓๘ และ ๒๙๑ เพราะการที่คนตายเป็นผลโดยตรงจากการบรรทุกเกิน และ เป็นผลโดยตรง
จากการขับรถเร็ว
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๓/๒๕๐๖ ไม่ผิด ๒๓๘ เพราะความตายไม่ใช่ผลโดยตรงจากการบรรทุก)

๓๓. ล.ตี ถ.มีแผลเล็กน้อยแต่ ถ.สลบ ล.เข้าใจว่า ถ.ตาย ไม่ดูให้ดีว่า ถ.ยังหายใจอยู่ จึงนาผ้าขาวม้าของ ถ.ผูกคอ ถ. แขวนไว้กับต้นไม้เป็นเหตุให้ ถ.ตาย ล.ผิดฐานใดบ้าง
ก.ทาร้าย ๒๙๕
ข.ทาร้าย ๒๙๕ , ทาร้ายเป็นเหตุให้ตาย ๒๙๐ , ประมาทเป็นเหตุให้ตาย ๒๙๑
ค.ทาร้ายเป็นเหตุให้ตาย ๒๙๐
ง.ทาร้าย ๒๙๕ , ประมาทเป็นเหตุให้ตาย ๒๙๑
(คาตอบ ข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๙๕/๒๕๑๘ เหตุแทรกแซงที่วิญญูชนคาดหมายได้จึงผิดตาม ๒๙๐ ด้วย)

๓๔.ดาขับรถด้วยความประมาทชนเสาไม้ที่ปักริมทางแฉลบเข้าไปชนเสาไฟฟ้าอย่างแรง ผู้ตายกระโดดจากรถในระยะกระชั้นชิดก่อนที่รถยนต์จะชนเสาไฟฟ้าถึงแก่ความตาย ดาต้องรับผิดต่อผลการตายของผู้ตายเพียงใด
ก.ไม่ต้องรับผิด เนื่องจากผู้ตายกระโดดจากรถไปเอง
ข.ไม่ต้องรับผิด เนื่องจากผลแห่งการตายไม่ได้เกิดจากการกระทาของดา
ค.ต้องรับผิดฐานทาให้คนตายโดยประมาท เนื่องจากผลแห่งการตายเป็นเหตุแทรกแซงที่วิญญูชน
คาดหมายได้
ง.ต้องรับผิดฐานทาให้คนตายโดยประมาท เนื่องจากผลแห่งการตายดาเล็งเห็นผลได้
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๓๖/๒๕๑๑ เหตุแทรกแซงซึ่งเป็นการกระทาของผู้เสียหายซึ่งผลสัมพันธ์กับการกระทา โดยประมาทของดา)

๓๕.ดาใช้มีดฟันที่ขาผู้ตายครั้งเดียว เป็นแผลมีเลือดออกแต่ผู้ตายไม่ยอมรักษาบาดแผลหรือรักษาไม่ดี ทาให้แผลติดเชื้อและตายดาต้องรับผิดในผลแห่งการตายของผู้ตายหรือไม่ เพียงใด
ก.ต้องรับผิดฐาน ทาร้ายเป็นเหตุให้ตาย ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๐
ข.รับผิดฐาน ทาร้ายบาดเจ็บตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๕ เท่านั้น
ค.ต้องรับผิดฐาน ทาโดยประมาทเป็นเหตุให้ตาย ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๑
ง.ไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการตาย เนื่องจากผู้ตายไม่ยอมรักษาบาดแผลเอง
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๔๓๗/๒๕๐๐ ผู้กระทาในตอนแรกจะต้องรับผิดในผลบั้นปลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล)

๓๖.ดาทาร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า หลังจากผู้ตายถูกทาร้ายมีการนาผู้ตายไปรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ทาการรักษาอย่างดีโดยให้น้าเกลือ ใส่ท่อช่วยหายใจ ผ่าตัดใส่ท่อระบายลมในโพรงปอด ใส่เครื่องช่วยหายใจ แพทย์ผู้รักษาลงความเห็นว่า หากผู้ตายรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อไป โอกาสที่จะรอดชีวิตมีมากกว่าตาย แต่ญาติของผู้ตายทาให้การรักษาสิ้นสุดลงโดยแอบเข้าไปในห้องรักษา ดึงเครื่องช่วยหายใจออก ดึงท่อช่วยหายใจออก พาผู้ตายกลับบ้านเพราะสงสารผู้ตาย เย็นวันนั้นผู้ตายถึงแก่ความตาย ดาจะต้องรับผิดในผลแห่งความตายของผู้ตายเพียงใด
ก.รับผิดฐานฆ่าผู้ตาย ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๘๘
ข.รับผิดฐานพยายามฆ่าผู้ตาย ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบ มาตรา ๘๐
ค.รับผิดฐานพยายามฆ่าผู้ตายโดยไม่เจตนา ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๐ ประกอบมาตรา ๘๐
ง.ไม่ต้องรับผิดในผลแห่งความตายของผู้ตาย คงรับผิดเพียงฐานทาร้ายผู้ตายเท่านั้น
(คาตอบข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๕๙/๒๕๓๒ เหตุที่ก่อให้เกิดผลในบั้นปลายวิญญูชนคาดหมายไม่ได้ หลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล)

๓๗.ดาเอาเงินตราปลอมไปซุกใส่บ้านแดง แล้วแจ้งให้ตารวจจับแดง ตารวจมาค้นบ้านแดงได้ของกลางที่ดาซุกใส่ไว้ข้างต้นจับแดงไปขังอยู่ ๕ วัน เช่นนี้ดามีความผิดฐานทาให้แดงเสื่อมเสียเสรีภาพตาม ป.อาญา มาตรา ๓๑๐ หรือไม่ เพราะเหตุใด (หลังจากแดงได้รับการปล่อยตัวแล้วได้ฟ้องดาต่อศาลในความผิดฐานดังกล่าว)
ก.ดาไม่ผิดตาม ป.อาญา มาตรา ๓๑๐ เพราะตารวจจับแดงโดยชอบด้วยกฎหมาย
ข.ดาไม่ผิดตาม ป.อาญา มาตรา ๓๑๐ เพราะตารวจจับแดงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ค.ดาผิดตาม ป.อาญา มาตรา ๓๑๐ เพราะตารวจจับแดงโดยชอบด้วยกฎหมาย
ง.ดาผิดตาม ป.อาญา มาตรา ๓๑๐ เพราะตารวจจับแดงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(คาตอบข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๒๐/๒๕๐๓ ผลบั้นปลายเกิดจากการกระทาของบุคคลที่สามซึ่งเป็นการกระทาที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้กระทาในตอนแรกไม่ต้องรับผิดในผลบั้นปลาย หลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล)

๓๘.ตารวจนาหมายจับไปเพื่อทาการจับ พ. ที่บ้าน ส.โดยไม่มีหมายจับ ซึ่ง พ.เป็นบุตรของ ส.ที่พักอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ในทะเบียนบ้าน ส.เป็นเจ้าหน้า พ.เป็นผู้อาศัย พ.ได้ชกต่อยตารวจที่จะเข้าจับกุม พ.ผิดฐานทาร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทาการตามหน้าที่ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๙๖ และ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตาม ป.อาญา มาตรา ๑๓๘ วรรคสอง หรือไม่
ก.ผิด ๒๙๖ ไม่ผิด ๑๓๘ วรรคสอง
ข.ผิด ๑๓๘ วรรคสอง ไม่ผิด ๒๙๖
ค.ผิดทั้ง ๑๓๘ วรรคสอง และ ๒๙๖
ง.ไม่ผิดทั้ง ๑๓๘ วรรคสอง และ ๒๙๖
(คาตอบ ง.คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๓๕/๒๕๓๖ ผู้ก่อภยันตรายไม่มีอานาจตามกฎหมายที่จะทาได้ ผู้รับภยันตรายมีสิทธิจะป้องกันได้โดยไม่เกินสมควรแก่เหตุ)

๓๙. ร.ได้ทาร้าย ว.แล้วหลบหนีไป ส.ซึ่งเป็นญาติของ ว.ทราบเรื่องภายหลังได้ออกติดตามไปพบ ร.และจะเข้าจับ ร.เพื่อส่งให้กับตารวจ ร.ได้ทาร้าย ส.ก่อนวิ่งหลบหนีไป ร.ผิดฐานทาร้าย ส.หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.ผิด เพราะมีเจตนาทาร้าย ส.
ข.ผิด เพราะไม่มีสิทธิทาร้าย ส.
ค.ไม่ผิด เพราะเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ง.ไม่ผิด เพราะไม่มีเจตนาที่จะทาร้าย ส.มาแต่ต้น
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๓๕๓/๒๕๓๐ หลักเดียวกันกับข้อ ๓๘)

๔๐. น.ยิงปืนในหมู่บ้านโดยใช่เหตุ ตารวจออกตรวจท้องที่ผ่านมาพบเห็นพอดีได้วิ่งเข้าไปจะจับ น.วิ่งหลบหนีการจับ ตารวจได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ให้หยุด น.ได้ยิงปืนไปที่ตารวจแต่พลาดไม่ถูกผู้ใด น.ผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทาการตามหน้าที่ตาม ป.อาญา มาตรา ๒๘๙ (๒) ประกอบ มาตรา ๘๐ หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก.ผิด เพราะไม่มีสิทธิป้องกัน
ข.ผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ เพราะสาคัญผิดคิดว่าตารวจยิงก่อน
ค.ไม่ผิด เพราะตารวจกระทาโดยไม่มีอานาจ
ง.ไม่ผิด เพราะพลาดไม่ถูกผู้ใด
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๘๘๔/๒๕๔๓ ผู้ก่อภยันตรายมีอานาจตามกฎหมาย ผู้รับภยันตรายไม่มีสิทธิป้องกัน)

๔๑. สามีฆ่าภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายและชายชู้ตายขณะร่วมประเวณีกัน สามีต้องรับผิดหรือไม่ เพียงใด
ก.ไม่ผิด เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ข.รับผิด เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ค.รับผิด แต่อ้างบันบาลโทสะเพื่อรับโทษน้อยลงได้
ง.รับผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ เป็นการกระทาด้วยความจาเป็น
(คาตอบ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๗๘/๒๔๗๙ เป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติยศของสามีอย่างร้ายแรง เป็น
การป้องกันเกียรติยศ พอสมควรแก่เหตุ)

๔๒.สามีฆ่าชายชู้ตายขณะร่วมประเวณีกับภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สามีต้องรับผิดหรือไม่ เพียงใด
ก.ไม่ผิด เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ข.รับผิด เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ค.รับผิด แต่อ้างบันบาลโทสะเพื่อรับโทษน้อยลงได้
ง.รับผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ เป็นการกระทาด้วยความจาเป็น
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๙/๒๕๑๕ ที่อ้างป้องกันไม่ได้เพราะไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่ถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมาย ป้องกันต้องเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย แต่อ้างบันดาลโทสะได้ ถือว่าเป็นการข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม)

๔๓.ใช้ปืนแก๊ปยาวที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ยิงไก่ของผู้อื่นที่เข้ามากินผักสวนครัวตาย ต้องรับผิดฐานทาให้เสียทรัพย์หรือไม่ เพียงใด
ก.ไม่ผิด เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ข.รับผิด เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ค.รับผิด แต่อ้างบันบาลโทสะเพื่อรับโทษน้อยลงได้
ง.รับผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ เป็นการกระทาด้วยความจาเป็น
(คาตอบ ข้อ ข.เทียบเคียงคาพิพากษาฎีกาที่ ๒๙/๒๔๘๗ ป้องกันเกิดสมควรแก่เหตุ)

๔๔.แดงไปท้าทายดาโดยพูดว่า “มึงออกมาต่อยกับกูตัวต่อตัวถ้าแน่จริง” ดาออกไปพบแดงตามคาถ้าโดยพกอาวุธปืนไปด้วย แดงชักมีดออกมาเพื่อจ้วงแทงดา ดาใช้ปืนยิงแดง ดาต้องรับผิดในการยิงแดงหรือไม่
ก.ผิด แต่อ้างป้องกันเกินสมควรแก่เหตุได้
ข.ผิด แต่อ้างบันดาลโทสะได้
ค.ผิด แต่อ้างเป็นการกระทาด้วยความจาเป็นได้
ง.ไม่มีข้อใดถูก
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๐๘๙/๒๕๔๑ ผู้ที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กัน อ้างป้องกัน บันดาลโทสะจาเป็น ไม่ได้)

๔๕. น.กับ บ.โต้เถียงกัน น.จะใช้ขวานฟัน บ. บ.จึงได้มีดแทง น.ตาย บ.ต้องรับผิดในความตายขออง น.หรือไม่
ก.ไม่ เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ข.ผิด ไม่มีสิทธิป้องกัน
ค.ผิด แต่อ้างบันดาลโทสะได้
ง.ผิด แต่อ้างจาเป็นได้
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๕๒๘/๒๕๒๖ เพียงแต่โต้เถียงกัน ไม่มีการสมัครใจทาร้ายซึ่งกันและกันสิทธิในการป้องกันยังคงมีอยู่)

๔๖. จ.กับ ต.ทะเลาะวิวาทชกต่อยกอดปล้ากัน เมื่อมีคนห้าม จ.ก็หยุดวิวาทกับ ต. ต.วิ่งไปหยิบไม้มา จ.เห็นดังนั้นจึงวิ่งหนีขึ้นไปบนกุฏิพระ ต.ถือไม้ไล่ตี จ.บนกุฏิพระ จ.ใช้มีดปอกผลไม้แทง ต.ตาย จ.ต้องรับผิดในความตายของ ต.เพียงใด
ก.ไม่ผิด มีสิทธิป้องกัน
ข.ผิด ไม่มีสิทธิป้องกัน
ค.ผิด แต่อ้างจาเป็นได้
ง.ผิด แต่อ้างบันดาลโทสะได้
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๕๒๐/๒๕๒๙ การวิวาทครั้งแรกขาดตอนไปแล้ว ครั้งหลังไม่มีเจตนาวิวาทมีสิทธิป้องกันได้)

๔๗. ดา มาขอแบ่งวัวจากแดง แดงไม่ยอมแบ่งให้และชวนให้ไปตกลงกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหรือที่บ้านกานัน แต่ดาไม่ยอมไปกลับชักปืนออกมาจากเอวแต่ยังไม่ทันจ้องเล็งไปที่แดง แดงไว้กว่าใช้ปืนยิงดาไป ๑ นัด ดาตาย แดงอ้างป้องกันได้หรือไม่
ก.ได้ การกระทาของดาเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัวแดง
ข.ได้ การกระทาของดาเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย
ค.ไม่ได้ การกระทาของดายังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าแดง อยู่ในขั้นตระเตรียมซึ่งยังไม่เป็นความผิด
ง.ได้ การกระทาของดาเป็นภยันตรายที่ละเมิดต่อกฎหมายและใกล้จะถึงตัวแดง
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๒๘๕/๒๕๒๘ ภยันตรายที่ละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึงไม่จาเป็นจะต้องถึงขึ้นลงมือเสนอไป)

๔๘. ต.เมาสุราร้องท้าทายให้ จ.มาต่อสู้ จ.ไม่สู้ ต.ถือมีดดาบปลายแหลมลุยน้าข้ามคลองจะเข้าฟัง จ.ที่อยู่ในบ้าน โดย จ.เห็น ต. ก่อนแล้วและอาจหลบหนีไปได้ แต่ จ.ไม่หนี ได้ใช้ปืนยิง ต. ๑ นัด ขณะที่ ต.อยู่ห่างจากบ้านของ จ.ประมาณ ๖ ศอก ถึง ๒ วา จ.อ้างป้องกันได้หรือไม่
ก.ไม่ได้ เนื่องจากหนีได้แต่ไม่หนี
ข.ไม่ได้ ภยันตรายยังไม่ใกล้ถึง
ค.ไม่ได้ เป็นการสมัครใจวิวาท
ง.ได้ เป็นภยันตรายที่ละเมิดกฎหมายใกล้จะถึง
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๙/๒๕๐๔ หนีได้ไม่หนีไม่หมดสิทธิป้องกัน)

๔๙. น.เก็บของไว้ในโรงเก็บของในสวน ตาบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม ฉ.กับพวกบุกรุกเข้าไปในเวลาวิกาลโดยเจตนาจะลักทรัพย์ถูกเส้นลวดที่ น.ขึงปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ที่โรงเก็บของถึงแก่ความตาย น.ต้องรับผิดในความตายของ ฉ.เพียงใด
ก.ไม่ต้องรับผิด เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ข.ผิดฐานฆ่า ฉ.โดยไม่เจตนา
ค.ผิดฐานฆ่า ฉ.โดยประมาท
ง.ผิด เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๒๓/๒๕๑๙ การป้องกันภยันตรายไว้ล่วงหน้าก็ได้)

๕๐. น.ขึงเส้นลวดปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้รอบบ่อเลี้ยงปลาเพื่อป้องกันคนมาลักปลา ล.ซึ่งเป็นลูกจ้างเลี้ยงปลาที่บ่อเลี้ยงปลาของ น. ในที่ดังกล่าว ลืมไปว่า น.มีการขึงเส้นลวดปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้จะเดินลงไปเก็บผักบุ้งในบ่องเลี้ยงปลาเพื่อนามาประกอบเป็นอาหาร ได้ถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าดังกล่าวถึงแก่ความตาย น.ต้องรับผิดในความตายของ ล.เพียงใด
ก.ไม่ต้องรับผิด เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ข.ไม่ต้องรับผิด เป็นความประมาทของ ล.เอง
ค.ต้องรับผิด จะอ้างป้องกันไม่ได้
ง.ต้องรับผิด เป็นการกระทาโดยประมาท
(คาตอบ ข้อ ค. เทียบเคียงคาพิพากษาฎีกาที่ ๓๒/๒๕๑๐,๑๙๙/๒๕๑๑ และ ๔๘๘๔/๒๕๒๘ แม้ น.อยู่ในที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุ น.ไม่มีสิทธิทาร้าย ล.จะอ้างป้องกันไม่ได้)

๕๑. ช.ขุดหลุมบนไหล่ทางสาธารณะเพื่อเป็นทางระบายน้าจากนาที่ ช.ทาให้ลงคลองสาธารณะ เพื่อไม่ให้น้าท่วมต้นข้าวของ ช.เมื่อฝนจะตกมาก ซึ่งการกระทาของ ช.ผิดตาม ป.อาญา มาตรา ๓๖๐ ฐานทาให้เสียทรัพย์ซึ่งที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ ช.ต้องรับผิดเพียงใด
ก.ไม่ต้องรับผิด เป็นการป้องกัน
ข.ไม่ต้องรับโทษ เป็นการกระทาโดยจาเป็น
ค.ต้องรับโทษ เป็นการกระทาโดยจาเป็นเกิดสมควรแก่เหตุ
ง.ต้องรับผิด อ้างป้องกันหรือจาเป็นไม่ได้
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๗๓๔/๒๕๒๙ ภยันตรายยังอยู่ห่างไกล หรือ ภยันตรายนั้นสามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นได้ ตามข้อเท็จจริงใช้เครื่องสูบน้าแทนได้)

๕๒. จ.ไปช่วยงานแต่ง แล้วมีคนไล่ทาร้าย จ. วิ่งหนีจะเข้าไปในทางห้องที่พวกเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ มีคนกั้นไม่ให้ จ.เข้าไป จ.ใช้มีดแทงเขาตาย จ.ต้องรับผิดในความตายของบุคคลดังกล่าวเพียงใด
ก.ไม่ต้องรับผิด เป็นการป้องกัน
ข.ไม่ต้องรับโทษ เป็นการกระทาโดยจาเป็น
ค.ต้องรับผิด เป็นการกระทาโดยจาเป็นเกิดสมควรแก่เหตุ
ง.ต้องรับผิด อ้างป้องกันหรือจาเป็นไ
(คาตอบข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๐๗/๒๕๘๙ ภยันตรายที่ผู้กระทาโดยจาเป็นจะได้รับ จะต้องมากกว่าภยันตรายที่ผู้กระทาโดยจาเป็นได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลที่สาม ตามข้อเท็จจริง ทาร้ายกับทาร้าย เท่ากันจึงเกินสัดส่วน)

๕๓. ผกก.หน.สภ.สั่งลงโทษกักยาม ร.ต.อ.ดา ฐานละทิ้งหน้าที่ ร.ต.อ.ดา ไม่พอใจใช้อาวุธปืนยิง ผกก.ฯ ร.ต.อ.ดา ต้องรับผิดในการยิง ผกก.เพียงใด
ก.ต้องรับผิด แต่อ้างบันดาลโทสะได้
ข.ต้องรับผิด อ้างบันดาลโทสะไม่ได้
ค.ไม่ต้องรับโทษ เป็นการกระทาโดยจาเป็น
ง.ไม่ต้องรับผิด เป็นการป้องกัน
(คาตอบข้อ ข. เทียบเคียงคาพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๒๐/๒๕๓๐ การใช้อานาจตามกฎหมายไม่ถือว่าเป็นการข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม)

๕๔. จ.เปิดน้าในนาของ ต.จนแห้งเพื่อนาน้าเข้าไปใช้ในนาของ จ. ต.มาด่าและท้า จ. จ.ทาร้าย ต.ตาย จ.จะอ้างบันดาลโทสะได้ หรือไม่
ก.ไม่ได้ เพราะการด่าและท้าไม่ใช่เหตุอันไม่เป็นธรรม
ข.ไม่ได้ เพราะ จ.ก่อเหตุขึ้นก่อน ต.จึงมาด่าและท้า
ค.ได้ เพราะการด่าและท้าถือว่าเป็นเหตุอันไม่เป็นธรรม
ง.ได้ เพราะเหตุที่ จ.ก่อขาดตอนไปแล้ว
(คาตอบข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๗๖/๒๕๑๘ ผู้ที่ก่อเหตุขึ้นก่อนถ้าอีกฝ่ายกระทาการโต้ตอบกลับมา จะถือว่าถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่ได้)

๕๕. จ.ถ่ายปัสสาวะข้างรถยนต์ของ ส.ปัสสาวะกระเด็นถูกรถยนต์บ้าง ส.มาพบเข้าได้ต่อว่าและใช้มือตบท้ายทอย จ. ๑ ที จ.โต้ตอบกลับด้วยการทาร้าย ส. จ.จะอ้างป้องกันหรือบันดาลโทสะได้หรือไม่
ก.อ้างทั้งป้องกันหรือบันดาลโทสะไม่ได้
ข.อ้างป้องกันได้
ค.อ้างบันดาลโทสะได้
ง.อ้างได้ทั้งป้องกันและบันดาลโทสะ
(คาตอบข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๕๓๗๑/๒๕๔๒ ผู้ที่ก่อเหตุขึ้นก่อนถ้าอีกฝ่ายกระทาการโต้ตอบกลับมา จะอ้างป้องกันหรือบันดาลโทสะไม่ได้)

๕๖. แดงทาร้ายดาที่ชั้นสองของตึกแถว แล้วแดงวิ่งหนีไปที่ห้องพักของแดงที่ชั้นสาม ดาตามขึ้นไปเพื่อจะทาร้ายแดง เมื่อเห็นแดงหยุดยืนอยู่ทางเข้าห้องพักของแดง ดาใช้ปืนยิงแดง ๑ นัดถูกบริเวณท้อง แดงจะอ้างป้องกันหรือบันดาลโทสะได้หรือไม่
ก.อ้างทั้งป้องกันหรือบันดาลโทสะไม่ได้
ข.อ้างป้องกันได้
ค.อ้างบันดาลโทสะได้
ง.อ้างได้ทั้งป้องกันและบันดาลโทสะ
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๙๗๖/๒๕๔๓ การกระทาต่อภยันตรายที่ผ่านพ้นไปแล้วอ้างป้องกันไม่ได้ แต่อ้างบันดาลโทสะได้)

๕๗. จ.ใช้ปืนจ้องไปทาง ส.เป็นเวลานานประมาณ ๑๕ วินาที แต่ไม่ได้ลั่นไกปืนยิง ก่อนที่ ส.จะวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังคนอื่น การกระทาของ จ.ถึงขึ้นพยายามฆ่า ส.หรือไม่
ก.ถึงขึ้นพยายามฆ่า ส.แล้ว เพราะจ้องปืนไปทาง ส.แล้ว
ข.ถึงขึ้นพยายามฆ่า ส.แล้ว เพราะถึงขั้นลงมือกระทาเพื่อฆ่าแล้ว
ค.ยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่า ส.เป็นเพียงการขู่ ส.เท่านั้น
ง.ยังไม่ถึงขึ้นพยายามฆ่า ส.เพราะยังไม่ได้ลั่นไกปืน
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๕/๒๕๒๙ ความผิดฐานพยายามฆ่า จะต้องมีเจตนาฆ่ามาก่อน มีเวลาถึง ๑๕ วินาที ก่อนที่ ส.จะวิ่งไปหลบข้างหลังคนอื่น แสดงว่าไม่มีเจตนาฆ่า)

๕๘. ยกปืนที่มีลูกกระสุนบรรจุอยู่จ้องไปทางผู้เสียหาย แต่ไม่ได้ความว่าปืนขึ้นนก นิ้วมืออยู่ที่ไกปืนหรือไม่ เป็นพยายามฆ่าหรือไม่
ก.เป็น การกระทาใกล้ชิดต่อความผิดสาเร็จ
ข.ไม่เป็น ยังไม่พ้นขั้นตอนตระเตรียม
ค.ไม่เป็น ปืนยังไม่ขึ้นนก
ง.ไม่เป็น นิ้วมือยังไม่อยู่ที่ไกปืน
(คาตอบข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๔๖/๒๕๑๘ การฆ่าคนโดยการใช้ปืนยิง จะต้องเล็งปืนหรือจ้องปืนไปยังผู้เสียหาย)

๕๙. การใช้ปืนยิงคนกระสุนปืนไม่ลั่น เพราะคุณภาพของกระสุนปืนไม่ดี กับ การใช้ปืนที่ไม่ได้บรรจุกระสุนอยู่เลย แต่เข้าใจผิดคิดว่ามีกระสุนบรรจุอยู่ยิงคน ทั้งสองกรณีเป็นการพยายามตาม ป.อาญา มาตรา ๘๐ หรือ ๘๑
ก.เพราะคุณภาพของกระสุน เป็นพยายามตาม มาตรา ๘๐ ไม่มีกระสุนบรรจุอยู่เลย เป็นพยายามตาม
มาตรา ๘๑
ข.เพราะคุณภาพของกระสุน เป็นพยายามตาม มาตรา ๘๑ ไม่มีกระสุนบรรจุอยู่เลย เป็นพยายามตาม
มาตรา ๘๐
ค.ทั้งสองกรณีเป็นพยายามตาม มาตรา ๘๐
ง.ทั้งสองกรณีเป็นพยายามตาม มาตรา ๘๑
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๗๘๓/๒๕๑๓,๑๖๒๓/๒๕๒๗ และ ๙๘๐/๒๕๐๒)

๖๐. สามีใช้มีดโต้ฟันภริยาที่ศีรษะอย่างแรง ๒ ทีโดยมีเจตนาฆ่า ก่อนทิ้งมีดโต้แล้วร้องให้เข้าไปสวมกอดภริยา พูดว่ารักภริยามาก หากไม่รักก็คงจะฆ่าภริยาไปแล้ว การกระทาของสามีเป็นการยับยั้งกลับใจแก้ไข ตาม ป.อาญา มาตรา ๘๒ หรือไม่
ก.เป็น ได้กลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทานั้นบรรลุผล
ข.เป็น ได้ยับยั้งเสียเองไม่กระทาการให้ตลอด
ค.ไม่เป็น กระทาการไปโดยตลอดแล้ว
ง.ไม่เป็น ไม่ได้กลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทานั้นบรรลุผล
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๕๐๘๙/๒๕๔๒ จะเป็นยับยั้งต้องเป็นกรณีที่เงื้อมีดโต้จะฟันแล้วสงสารจึงไม่ฟัน)

๖๑. แดงขับรถยนต์พาดามาส่ง แล้วขับรถไปจอดในซอยห่างจากบ้านผู้เสียหายที่ดาเข้าไปลักทรัพย์ประมาณ ๑๒๐ เมตร จุดนั้นไม่สามารถมองเห็นที่เกิดเหตุได้ การกระทาของดาเป็นตัวการหรือไม่
ก.เป็นตัวการ เป็นการแบ่งหน้าที่กันทา
ข.เป็นตัวการ ลักษณะการกระทามีการตกลงใจด้วยกันมาก่อน
ค.ไม่เป็นตัวการ
ง.ไม่เป็นตัวการ แต่เป็นผู้สนับสนุน
(คาตอบ ข้อ ง. คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๔๖/๒๕๒๙ ห่างไกลที่เกิดเหตุมากไม่ถือว่าเป็นตัวการแต่เป็นผู้สนับสนุน)

๖๒. ช.ขับรถตามผู้เสียหายจนทันและแซงประกบขึ้นทางด้านซ้ายมือรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย จ.ได้ขับรถจักรยานยนต์ของตนตามไปติดๆและแซงขึ้นไปประกบคู่รถของผู้เสียหายทางด้านขวา จากนั้น ช.ก็ตะปบผู้เสียหายที่บริเวณคอซึ่งสวมสร้อยคอทองคาพร้อมพระ การกระทาของ จ.เป็นตัวการร่วมกระทาผิดกับ ช.หรือไม่
ก.เป็นตัวการ เป็นการแบ่งหน้าที่กันทา
ข.ไม่เป็นตัวการ เป็นผู้คอยจะช่วยเหลือเท่านั้น
ค.ไม่เป็นตัวการ และ ไม่เป็นผู้สนับสนุน
ง.ไม่เป็นตัวการ แต่เป็นผู้สนับสนุน
(คาตอบ ข้อ ก. คาพิพากษาฎีกาที่ ๔๑๙๗/๒๕๔๐ การร่วมหรืออยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุในลักษณะที่พร้อมจะช่วยเหลือกันได้ทันที)

๖๓. จ.ทะเลาะวิวาทชกต่อยกับผู้ตายแต่สู้ไม่ได้ จึงไปเรียกให้ ส.กับ พ.มาช่วย ส.กับ พ.รุมชกต่อยจนผู้ตายยอมแพ้แล้วเมื่อ ส.กับ พ.ใช้ไม้ตีผู้ตายต่อไปอีก จ.เห็นว่ารุ่นแรงเกินไปจึงเข้าห้ามปราม เมื่อผู้ตายวิ่งหนีไป ส.กับ พ.วิ่งไล่ตามไปใช้ไม้ตีผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จ.ต้องรับผิดในความตายของผู้ตายร่วมกับ ส.และ พ.หรือไม่
ก.ต้องรับผิดร่วมกัน เพราะเป็นผู้ก่อเหตุแต่แรก
ข.ต้องรับผิดร่วมกัน เพราะหากไม่ไปเรียก ส.กับ พ.มาช่วยผู้ตายก็ไม่ตาย
ค.ไม่ต้องรับผิดในความตาย แต่คงรับผิดถึงตอนเข้าห้ามปรามไม่ให้ ส.กับ พ.ทาร้ายผู้ตายอีก
ง.ไม่ต้องรับผิดในความตาย เพราะเป็นเรื่อง จ.กับผู้ต้องสมัครใจวิวาทกันก่อน
(คาตอบ ข้อ ค. คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๘๗/๒๕๒๗ การร่วมกันสิ้นสุดลงเมื่อใด การเป็นตัวการก็ยุติลงเมื่อนั้น)

๖๔. ขาวด่าคนหลายคนในที่เกิดเหตุ ซึ่งดาและแดงก็ถูกด่าด้วย ทั้งดาและแดงโกรธขาวที่ด่าตน ดาจึงได้ใช้มีดแทงขาวเป็นเหตุให้ขายตาย ขณะเดียวกันแดงใช้ไม้ตีขาวด้วย ดาและแดงต้องรับผิดในความตายของขาวเพียงใด
ก.ทั้งดาและแดง ต้องรับผิดในความตายของขาว
ข.ดา เพียงคนเดียวที่ต้องรับผิดในความตายของขาว
ค.แดง เพียงคนเดียวที่ต้องรับผิดในความตายของขาว
ง.ทั้งดาและแดง ไม่ต้องรับผิดในความตายของขาว
(คาตอบ ข้อ ข. คาพิพากษาฎีกาที่ ๕๕๗๘/๒๕๔๓ การเป็นตัวการนั้นจะต้องมีเจตนากระทาร่วมกันในขณะกระทาความผิด)

๖๕. ดาต้องการฆ่าแดง จึงได้เขียนจดหมายส่งทางไปรษณีย์ไปถึงขาวมือปืนให้ไปฆ่าแดง แต่จดหมายตกหายระหว่างทางไม่ไปถึงขาว เช่นนี้ดาต้องรับผิดเพียงใด
ก.รับโทษ ๑ ใน ๓ ฐานพยายามฆ่าแดงโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ข.รับโทษ ๑ ใน ๓ ฐานฆ่าแดงโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ค.รับโทษ ๒ ใน ๓ ของ ๑ ใน ๓ ฐานพยายามฆ่าแดงโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ง.ยังเป็นเป็นความผิด
(คาตอบ ข้อ ง. พยายามเป็นผู้ใช้ไม่มี)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น